Description
Digital Data
ภาพเขียนบริเวณด้านขวา เป็นเรื่องราวภายหลังการขับไล่นางจันทเทวีออกไปจากพระราชวังทันที ครั้นมาถึงที่ชายป่าเเห่งหนึ่ง จึงมาพบกับสองตายายคู่หนึ่ง เเละขออาศัยอยู่กับสองตายาย ครั้นครบ 10 เดือน นางก็ให้ประสูติพระโอรส มีผิวกายดําเหมือนหมี จึงให้ชื่อว่า “ก่ำก๋าดำ”
ภาพเขียนบริเวณฝั่งซ้าย (บนชานเรือน) เขียนเรื่องราวในตอนที่นางจันทะเทวีกำลังให้ประสูติพระโอรส โดยมียายเฒ่าช่วยทำคลอด ถัดไปเขียนภาพสองตายายกำลังชื่นชมพระโอรส ผู้มีผิวกายดําเหมือนหมี ส่วนภาพเขียนบริเวณขวาสุด เขียนภาพนางจันทะเทวีลักษณะเหมือนการอยู่ไฟหลังคลอด ซึ่งคนล้านนาจะเรียกกันว่า “การอยู่เดือน” (เพื่อให้ร่างกายปรับตัวจากสภาวะการเสียเลือดและน้ำจากการคลอด) ในบริเวณนี้มีอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ ตั้งแต่บริเวณด้านล่างสุด อ่านได้ความว่า “เปิ็นขับนางจั๋นต๊ะเตวีมาอยู่กับย่าเฒ่าแก่หนี้แล” แปลได้ว่า “เขาเนรเทศนางจันทะเทวีมาอาศัยอยู่กับแม่เฒ่าที่นี้”
ถัดมาบริเวณด้านขวา (บริเวณเหนือเรือน) อ่านได้ความว่า “นางจั๋นต๊ะมาผะสูตเจ้าก๋าดําหนี้แล” แปลได้ว่า “นางจันทะได้มาประสูติก่ำก๋าดําที่นี้”
ถัดมาบริเวณชานหน้าเรือน อ่านได้ความว่า “นางจั๋นต๊ะ” แปลว่า “นางจันทะเทวี”
ถัดมาบริเวณขวาสุด (ด้านในเรือน) อ่านได้ความว่า “นางจั๋นต๊ะอยู่เดือน” แปลได้ความว่า “นางจันทะเทวีอยู่เดือนหลังคลอด”
นางจันทะเทวีเเต่งกายแบบหญิงชาวไทยวยในเมืองเเพร่ คือ เปลือยอก นุ่งซิ่นตีนจก คือซิ่นต๋าที่ต่อด้วยตีนจกคำ ไว้ผมมุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง”ไว้กลางศีรษะ ส่วนย่าเฒ่านั้นเปลือยอก มุ่นมวยไว้กลางศีรษะด้านหลังทรง “ตั้งเกล้า” นุ่งผ้า “ซิ่นต๋าดำแดง” เป็นซิ่นที่มีลักษณะพื้นสีแดงมีลายแถบในแนวขวางลำตัว สีดำมาคั่นเป็นแนวเท่าๆกันตลอดทั้งผืนผ้า นับเป็นซิ่นที่สามารถพบได้ในเมืองแพร่เท่านั้น ส่วนตาเฒ่าแต่งกายคล้ายกับชายไทยในกรุงเทพ คือ สวมเสื้อคอตั้งแขนยาว นุ่งโจงกระเบน ไว้ผมทรงมหาดไทย
Physical Data