Description
Digital Data
ภาพเขียนบริเวณกลางภาพ เป็นเหตุการณ์ที่ปาละกะเสนาเเละเหล่าเสนา จับนางจันทะเทวีและพระโอรสก่ำก๋าดำ ไปลอยแพ ในชาดกตอนหนึ่งมีว่า ณ เมืองพรหมทัต มีกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองชื่อท้าวจิตตราช พระองค์มีพระมเหสี 2 องค์ คือ นางจันทเทวี เป็นมเหสีหลวง (เมียหลวง) และ นางสิงคี เป็นมเหสีน้อย (เมียน้อย) มเหสีทั้งสองยังไม่มีผู้ใดให้ประสูติโอรสสืบสันติวงศ์แก่ท้าวจิตตราช ครั้นนั้นเหล่าเสนาอํามาตย์จึงพากันเข้ากราบทูลท้าวพรหมทัต ให้ทำพิธีบําเพ็ญศีล ภาวนา เพื่อขอโอรส กระนั้นแท่นหินบัณฑกัมพลศิลาอาสน์ของพระอินทร์ก็ร้อนและแข็งกระด้าง ครั้นพระอินทร์ทรงทราบเรื่องก็เสด็จไปอัญเชิญพระโพธิสัตว์ให้ลงไปปฏิสนธิในครรภ์ของนางจันทเทวี ในตอนใกล้รุ่ง ครั้นนางสิงคี ผู้มีจิตใจเฉกเช่นคนใจบาป ทราบความว่านางจันทเทวีจะได้โอรส ก็มีจิตริษยาเกรงว่าสมบัติบ้านเมืองทั้งหลายจะตกแก่โอรสของนางจันทเทวี ต่อไปในภายภาคหน้าตนอาจเป็นอันตรายได้ กระนั้นจึงได้ปรึกษากับกาละกะเสนา สร้างเพทุบาย เอายาพิษใส่ในหม้อน้ำ แล้วใส่ความว่านางจันทะเทวีนำยาพิษมาใส่ เพื่อหมายปลงพระชนม์ท้าวจิตตราช แล้วยุยงท้าวจิตตราชให้ขับนางจันทเทวีออกไปจากพระราชวังทันที พระนางทรงเศร้าโศกาถึงความผิดที่ตนมิได้ก่อ เพียงแต่ถูกใส่ร้ายจากผู้ริษยาคิดร้าย ครั้นมาถึงที่ชายป่าเเห่งหนึ่ง จึงมาพบกับสองตายายคู่หนึ่ง เเละขออาศัยอยู่กับสองตายาย ครั้นครบ 10 เดือน นางก็ให้ประสูติพระโอรส มีผิวกายดําเหมือนหมี จึงให้ชื่อว่า “ก่ำก๋าดำ” เมื่อราชโอรสเติบใหญ่ขึ้นครบ 6 ปี ความก็ทราบถึงท้าวจิตตราชและนางสิงคี ถือเป็นเรื่องอับอายและกาลกิณีบ้าน กาลกิณีเมืองที่ก่ำก๋าดำ มีผิวกายดําเหมือนหมี จึงรับสั่งให้เหล่าเสนาขับไล่นางจันทเทวีกับโอรสออกไปให้พ้นอาณาจักร โดยจับมัดติดกับแพแล้วนำไปลอยน้ําไป เป็นเหตุให้สองตายายที่เลี้ยงดูต่างเสียอกเสียใจจนอกแตกตายในเวลาต่อมา
ภาพเขียนบริเวณด้านบน เขียนภาพปาละกะเสนาสั่งให้เสนาและเหล่าทหารจับตัวนางจันทะเทวีกับโอรสก่ำก๋าดำมัด แล้วลากไปเพื่อนำไปลอบแพตามรับสั่งของท้าวจิตตราช ส่วนภาพเขียนบริเวณด้านล่าง เขียนภาพสองตายายกำลังเสียใจจนอกแตกตาย บริเวณนี้มีชุดอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ (บริเวณด้านบนชายที่ถือไม้ไล่ตีนางจันทะเทวี) (ด้านบนชายที่ถือไม้) อ่านได้ความว่า “หีแม่มึง บ่ใคร่ไปก๋า” แปลได้ความว่า “หีแม่มึง ไม่อยากไปหรือ”
ถัดมาบริเวณด้านซ้าย (ข้างชายที่ดึงเชือก) อ่านได้ความว่า “หนักข้าวหีแม่มัน” แปลได้ความว่า “หนักข้าวหีแม่มัน”
ถัดมาบริเวณด้านล่างสองตายาย อ่านได้ความว่า “ปู่ ย่า สองคนผัวเมียหันเปิ้นเอาเจ้าก๋าดําไปไหลนํ้า ลวดต๋ายอกแตกเสียหนี้แล” แปลได้ความว่า “พ่อเฒ่าแม่เฒ่า สองสามีภรรยาเห็นเขานําเอาก่ำก๋าดําไปลอยนํ้าก็อกแตกตาย”
ถัดมาบริเวณด้านซ้าย (ในแม่น้ำ ข้างแพ) อ่านได้ความว่า “ป๋าลกะเสนาเอานางจั๋นต๊ะกับเจ้าก๋าดํามาไหลนํ้าหนี้แล” แปลได้ความว่า “ปาลกะเสนานําเอานางจันทะกับก่ำก๋าดํามาลอยนํ้าที่นี้”
นางจันทะเทวีเเต่งกายแบบหญิงชาวไทยวยในเมืองเเพร่ คือ เปลือยอก นุ่งซิ่นตีนจก คือซิ่นต๋าที่ต่อด้วยตีนจกคำ ไว้ผมมุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง”ไว้กลางศีรษะ ส่วนย่าเฒ่านั้นเปลือยอก มุ่นมวยไว้กลางศีรษะด้านหลังทรง “ตั้งเกล้า” นุ่งผ้า “ซิ่นต๋าดำแดง” เป็นซิ่นที่มีลักษณะพื้นสีแดงมีลายแถบในแนวขวางลำตัว สีดำมาคั่นเป็นแนวเท่าๆกันตลอดทั้งผืนผ้า นับเป็นซิ่นที่สามารถพบได้ในเมืองแพร่เท่านั้น ส่วนตาเฒ่าแต่งกายคล้ายกับชายไทยในกรุงเทพ คือ สวมเสื้อคอตั้งแขนยาว นุ่งโจงกระเบน ไว้ผมทรงมหาดไท ส่วนปาละกะเสนาและเหล่าเสนา ทหาร แต่งกายแบบชายไทยวนในล้านนา คือ สวมเสื้อผ้าสีเรียบคอตั้งแขนยาวมีผ้ามาคาดที่พุง นุ่งผ้าลายดอกผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย” หรือ “เค็ดม่าม” โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมร หรือโจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่า อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชายชาวไทยวนในแถบนี้ คนซ้ายสวมหมวกแบบชาวตะวันตกที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากทางกรุงเทพ ส่วนคนขวาตัดผมสั้นทรงมหาดไทยและไม่สวมรองเท้า
Physical Data