Description
Digital Data
ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังทิศเหนือ แถวบนช่องที่ 4 เขียนเรื่องราวในชาดกเรื่อง “ก่ำก๋าดำ” เป็นเรื่องราวในตอนหนึ่งของชาดก ความว่า “ครั้นนั้นพระเจ้าพาราณสีเสด็จออกไปทอดพระเนตรผลนุ่นทองคำ ในล้านนาจะเรียกกันว่า “ผลงิ้วคำ” ซึ่งพระอินทร์เป็นผู้นำมาไว้ในป่า เป็นผลงิ้วคำที่มีความสวยงามประดุจทองคำ ครั้นพระเจ้าพาราณสีประสงค์จะได้ผลงิ้วคำ จึงรับสั่งให้เหล่าเสนาอำมาตย์ขึ้นเก็บผลงิ้วคำ แต่ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเก็บลงมาได้ ในบริเวณนี้ (ฝั่งขวาของภาพ) มีชุดอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “พญาปาราณสีมาพองเอาหมากงี้วคํา อันพญาอินทร์มาไว้วันนั้น แม่นหนี้แล” แปลได้ว่า “พระเจ้าพาราณสีหมายจะเอาผลนุ่นทองคําที่พระอินทร์นํามาไว้”
ในภาพพระเจ้าพาราณสีประทับนั่งบนเก้าอี้ไม้ มีพระกลดกางกั้นอยู่กลางภาพ ขณะกำลังทอดพระเนตรเหล่าพนักงานขึ้นเก็บผลงิ้วคำ (ผลนุ่นทองคำ) พระองค์ทรงเครื่องแบบกษัตริย์สวมกระบังหน้ามีกรรเจียก คือเครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนก ใช้ประกอบกับพระมหามงกุฎ พระชฎา หรือรัดเกล้า และสวมกรองศอทับบนเสื้อแขนยาว มีทับทรวงและสายสังวาลสะพายแล่ง สวมพาหุรัดที่ต้นแขน นุ่งสนับเพลาคือกางเกงขายาวประมาณครึ่งแข้งมีผ้าห้อยหน้าหรือชายไหวระหว่างชายแครง มีแถบผ้าปลายงอนหุ้มปลายขากางเกงทั้ง 2 ข้าง นุ่งโจงทับ ปัจจุบันยังหมายถึงกางเกงด้วย ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสนับเพลา ส่วนเหล่าทหารเบื้องหลังแต่งกายแบบชายไทยวนในล้านนา คือ สวมเสื้อผ้าสีเรียบคอตั้งแขนยาว ตัดผมสั้นไว้ผมทรงมหาดไทย ในมือถือปืนคาบศิลา ทหารบางคนมีการไว้หนวดและเคราแบบชาวตะวันตก ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลจากทางกรุงเทพ ส่วนพนักงานที่ปืนต้นงิ้ว แต่งกายแบบชายไทยวนในล้านนา คือ สวมเสื้อผ้าสีเรียบคอตั้งแขนยาว นุ่งผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย” หรือ “เค็ดม่าม” โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมร หรือโจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่าเป็นลวดลายของสัตว์หิมพานต์ อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชายชาวไทยวนในแถบนี้
Physical Data