Description
Digital Data
จิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์ มีลักษณะการเขียนจิตรกรรมในฝาผนังด้านสกัดของมุขสกัดทุกๆด้านแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกันคือ ด้านบนในมุขด้านทิศตะวันตกมีภาพจิตรกรรมขนาดใหญ่เกือบเท่าหรือเท่าคนจริง จิตรกรรมบริเวณตรงกลางด้านบนเป็นภาพจิตรกรรมพุทธประวัติ เป็นภาพพระพุทธปางนิพพาน เนื่องจากมีความเชื่อว่าทิศตะวันตก นี้เป็นสวรรค์สุขาวดีโดยมีนิยามว่า ” แดนอันมีความสุขตามความเชื่อของลัทธิมหายาน ” เป็นชื่อสวรรค์ชั้นพิเศษ ไม่มีใน“ฉกามาพจรสวรรค์” สวรรค์หกชั้นของพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท แต่เป็นสวรรค์ของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน เรียกว่า “พุทธเกษตร” อยู่ทางทิศตะวันตก ผู้เข้าสู่พุทธเกษตรนี้แล้ว สามารถบรรลุนิพพานบนนี้ได้ พระพุทธเจ้าผู้ครองพุทธเกษตรสุขาวดีนี้ มีพระนามว่า อมิตาภะ แปลว่า พระพุทธเจ้าผู้มีแสงสว่าง หาประมาณมิได้
ในภาพจะเป็นพระพุทธเจ้าเตรียมเสด็จสู่นิพพาน เบื้องปลายพระบาทมีเหล่าปัญจวัคคีย์นั่งร่ำไห้อยู่ ด้านหลังเป็นฉากป่าเขา ตามความเชื่อที่ว่า สุขาวดีเป็นดินแดนที่สวยงามและสุขสบาย กล่าวคือ มีล้อมรอบด้วยภูเขาแก้ว กำแพงแก้ว มีสระโบกขรณีที่ประดับด้วยแก้วมณี มีดนตรีทิพย์บรรเลงอยู่เสมอ มีนกร้องออกมาเป็นเสียงธรรมเทศนา บรรยากาศต่าง ๆ นี้ทำให้ผู้อาศัยเกิดพุทธาสุสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ และตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อบรรลุนิพพานในดินแดนแห่งนี้
ภาพด้านบนสุดของเสาวิหารทั้งสองเสา เป็นภาพนกฮูกหรือนกเค้าแมวที่น่าจะเป็นคู่กัน คือด้านหนึ่งอาจจะเป็นตัวผู้อีกด้านอาจจะเป็นตัวเมีย นี้น่าจะมาจากความเชื่อของวัฒนธรรมพม่า ที่ว่านกฮูกหรือนกเค้าแมวในภาษาพม่าเรียกว่า “ชีว์ เควท์” ที่อยู่คู่กันนั้นเป็น สัญลักษณ์แห่งความโชคดี เหตุที่ว่าน่าจะมาจากความเชื่อของวัฒนธรรมพม่านั้น เพราะภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์นี้ มีหลายส่วนที่เห็นได้ชัดเจนว่ามีวัฒนธรรมพม่า เข้ามาผสมผสานอยู่หลายส่วน ส่วนภาพขนาดใหญ่บนเสาวิหารฝั่งขวา เป็นภาพของหมอชีวกโกมารภัจจ์ (บาลี) หรือ ชีวกกุมารภฤต (สันสกฤต) มักย่อว่า ชีวกะ เป็นแพทย์ประจำพระองค์พระโคตมพุทธเจ้าและพระเจ้าพิมพิสารแห่งแคว้นมคธ ในภาพจิตรกรรมวาดภาพหมอชีวกะ เป็นหมอชาวจีน
จิตรกรรมบนสุดฝั่งขวาหรือด้านเหนือ ของผนังมุขด้านทิศตะวันตก เป็นภาพราชสีห์ในวงกลม เป็นสัญลักษณ์เพื่อสื่อถึงการปกป้องภยันตรายต่างๆ จึงนิยมนำเอาสิงห์หรือราชสีห์มาใช้ประดับอาคารและศาสนสถาน เพื่อเป็นการรักษาสถานที่นั้นไม่ให้อันธพาลเข้าไปประพฤติร้าย ดังที่เรามักพบสิงห์ปรากฎอยู่ในงานศิลปกรรมมากมายของศาสนสถาน ไม่ว่าจะเป็นภาพสลักหินรูปสิงห์ รูปปั้นสิงห์ หรือแม้กระทั่งรูปวาดสิงห์ เป็นต้น ส่วนฝั่งซ้ายหรือด้านใต้ของผนังมุขด้านทิศตะวันตก ภาพจิตรกรรมบนเสาวิหารถัดลงมาจากภาพนกฮูกหรือนกเค้าแมว เป็นภาพนกกรวิก หรือ นกการเวก หรือ ปักษาวายุภักษ์ แปลว่า “นกกินลม” ปรากฏในป่าหิมพานต์ เรียกกันอีกชื่อหนึ่งในวรรณคดีเรื่อง ไตรภูมิพระร่วงว่า นกกรวิค อธิบายว่า บินได้สูงเหนือเมฆ มีเสียงไพเราะยิ่งนัก สัตว์ทุกชนิดเมื่อได้ยินแล้วจะต้องหยุดฟัง ถัดไปด้านซ้ายจิตรกรรมบนสุดฝั่งซ้ายหรือด้านใต้ ของผนังมุขด้านทิศตะวันตก เป็นภาพนกหัสดีลิงค์ เป็นชื่อนกใหญ่ชนิดหนึ่งในเทวนิยาย อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ มีลักษณะตัวส่วนใหญ่เป็นนก แต่มีงอยปากมีลักษณะเป็นงวงอย่างงวงช้าง นกหัสดีลิงค์มักถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมฌาปนกิจแสดงว่า ผู้ตายมีบุญบารมีมาก จึงอยู่บนหลังนกได้ โดยนกหัสดีลิงค์สามารถนำดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ได้
ในส่วนด้านล่างภาพจิตรกรรมมีขนาดเล็ก เพื่อสามารถเล่าเรื่องได้ง่ายต่อการการเล่าเรื่องและพิจารณาภาพในชาดก ในมุขทิศตะวันตกนี้ มีชาดกด้วยกัน 2 เรื่องคือ จิตรกรรมฝาผนังด้านทิศใต้ของมุขทิศตะวันตก เป็นเรื่องราวของ คัทธณะกุมารชาดก ตอนที่เจ้าคัทธณะกุมาเสด็จมาเมืองตักศิลา และถูกเจ้าเมืองหลอก เพื่อต้องการของวิเศษของเจ้าคัทธณะกุมาร และเจ้าคัทธจันได้มาช่วยพระบิดาไว้ได้ จนเจ้าคัทธณะกุมารเสด็จกลับเมืองจำปานคร
ส่วนจิตรกรรมด้านล่างของฝาสกัดของมุขทิศตะวันตก และจิตรกรรมฝาผนังด้านทิศเหนือของมุขทิศตะวันตก เป็นเรื่องเนมิราชชาดก เป็นชาดกที่มีเนื้อความว่า พระเนมิราช เป็นพระชาติหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นพระชาติที่ทรงบำเพ็ญอธิษฐานบารมี พระองค์เป็นที่รักของเทวดา พระอินทร์จึงเชิญพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ แต่ระหว่างเส้นทางที่จะไปสวรรค์ต้องผ่านขุมนรกเสียก่อน จิตรกรรมด้านนี้จึงเขียนตอนที่ พระเนมิราชเสด็จไปสวรรค์และนรก ซึ่งจิตรกรรมด้านล่างฝั่งขวาของฝาสกัดของมุขทิศตะวันตก และจิตรกรรมฝาผนังด้านทิศเหนือของมุขทิศตะวันตก จะเป็นจิตรกรรมที่เป็นนรกขุมต่างๆ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการทำบาป และได้ผลแห่งบาปในนรกแบบใดบ้าง
การเขียนเนมิราชชาดกไว้ในมุขด้านทิศตะวันตกนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการสอนในเรื่องบุญและบาป และเกี่ยวเนื่องสู่ชีวิตหลังความตายในผลของกรรมที่ได้กระทำไว้ ซึ่งสอดคล้องกับการเข้าสู่นิพพานของพระสัมมาพระพุทธเจ้า
Physical Data