Description
Digital Data
ภาพเขียนเรื่องราวในตอนที่เจ้าคัทธณะกุมารไปพบกับชายเกวียนร้อยเล่ม เเละได้เข้าปะลองกัน โดยเจ้าคัทธณะกุมารเหยียบท้ายเกวียนไว้ เเล้วจึงให้ชายเกวียนร้อยเล่มลากเกวียนนั้น จนสายเชือกขาด ทำให้ชายเกวียนร้อยเล่มล้มหน้าคว่ำลงกระแทกพื้น ชายเกวียนร้อยเล่มโมโหเป็นอันมาก จึงวิ่งเข้าใส่เจ้าคัทธณะกุมารหมายจะทำร้าย กระนั้นเจ้าคัทธณะกุมารจึงใช้พระหัตถ์จับไหล่นายเกวียนร้อยเล่มกดลงไปกับพื้นดินเช่นเดียวกับที่ทำกับชายไม้ร้อยกอ เเละเมื่อมิสามารถต่อกรกับเจ้าคัทธณะกุมารได้ จึงยกมือไหว้ส่งเสียงร้องขอชีวิตจากเจ้าคัทธณะกุมาร เมื่อเจ้าคัทธณะกุมารเห็นดังนั้นก็เกิดความเมตตาเฉกเช่นเดียวกับชายไม้ร้อยกอ จึงดึงชายเกวียนร้อยเล่มขึ้นจากดิน ชายเกวียนร้อยเล่มสำนึกในพระคุณเป็นอันมาก จึงขอเป็นข้ารับใช้ติดตามเจ้าคัทธณะกุมารต่อไป
ในบริเวณนี้มีชุดอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ด้วยกันหลายชุด ประกอบด้วย ชุดอักษรล้านนาบริเวณที่ชายร้อยเกวียนล้ม อ่านได้ความว่า “เชือกเกียรปุด” แปลว่า “เชือกเกวียนขาด” ถัดขึ้นไปเหนือเกวียน ความว่า “กำบ่านี้” แปลว่า “เจ้านี้นะ” ถัดขึ้นไปบริเวณด้านบนสุด อ่านได้ความว่า “เจ้าคัทธณะเอาเกวียนร้อยเหล้มทั่งลงขี้ดินเพียงหัวแหล่นี้แล” แปลได้ว่า “เจ้าคัทธณะกุมารกดชายร้อยเกวียนลงจมดินเหลือแต่ส่วนหัวไว้” เเละอักษรล้านนาชุดสุดท้ายบริเวณด้านหน้าของชายร้อยเกวียน อ่านได้ความว่า “ข้าเจ้าขอเทอะ” แปลว่า “ข้าขอขมาต่อเจ้าด้วย”
ในภาพเจ้าคัทธณะกุมารทรงเครื่องแบบกษัตริย์ของไทย คล้ายกับการแต่งกายแบบในละครนาฏศิลป์ของทางภาคกลาง (กรุงเทพ) คือสวมเสื้อแขนยาว สวมพาหุรัดที่ต้นแขน นุ่งสนับเพลาคือกางเกงขายาวประมาณครึ่งแข้ง นุ่งโจงกระเบนทับที่เป็นผ้าที่มีลวดลาย รัดด้วยปั้นเหน่ง หรือเข็มขัด มีผ้าห้อยหน้าหรือชายไหวระหว่างชายแครง มีแถบผ้าปลายงอนหุ้มปลายขากางเกงทั้ง 2 ข้าง ปัจจุบันหมายถึงกางเกง ส่วนในราชาศัพท์ใช้ว่า “พระสนับเพลา” เหน็บดาบศรีกัญไชยไว้ที่เอว และสวมฉลองบาทเชิงงอน
ส่วนชายเกวียนร้อยเล่มแต่งกายคล้ายกับชายชาวไทยวนและไทลื้อในล้านนาในยุคนั้น ซึ่งน่าจะรับเอาอิทธิพลการแต่งกายมาจากภาคกลาง (กรุงเทพ) คือ ใส่เสื้อแขนยาวคอกลมทำจากผ้าพื้นสีเรียบ นำผ้าแถบสีแดงมามัดศีรษะ นุ่งผ้าพื้นเรียบผืนเดียวที่เรียกว่า “นุ่งผ้าต้อย” หรือ “เค็ดม่าม” โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขา เป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมร หรือ โจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่า อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชายชาวไทยวนและไทลื้อในแถบนี้ ไว้ผมทรงมหาดไทย ลักษณะคือ ไว้ผมกลางศีรษะและด้านข้างโกนผมบริเวณโดยรอบ คล้ายกับการนำกะลามาครอบหัว แต่ไม่ได้แสกกลางแบบทางภาคกลางของไทย ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากทางกรุงเทพ
Physical Data