Description
Digital Data
ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังมุขทิศตะวันออกฝั่งทิศเหนือ และฝาผนังด้านเหนือของมุขทิศตะวันออก ภาพเขียนบนฝาผนังส่วนนี้มีการเขียนเรื่องราวสลับกันไปมา โดยเริ่มที่ฝาผนังด้านเหนือของมุขทิศตะวันออก โดยเริ่มที่ฝาผนังด้านทิศเหนือของมุขทิศตะวันออก เขียนเรื่องราวในตอนที่เจ้าคัทธณะกุมารเดินทางมาถึงเมืองขวางทะบุรี ครั้นมาถึงเมืองขวางทะบุรี ก็นึกประหลาดใจที่เมืองกลายเป็นเมืองร้าง จึงเดินเข้าไปสำรวจในเมือง จนมาพบกับนางกองสีที่ซ่อนอยู่ในกลองใบใหญ่ใบหนึ่ง จึงได้เข้าช่วยเหลือนาง เเล้วจึงได้ไตร่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางกองสีจึงเล่าเรื่องราวต่างๆอันเป็นเหตุให้เมืองกลายเป็นเมืองร้างแก่เจ้าคัทธณะกุมารฟัง ครั้นเมื่อสดับได้ดังนั้น จึงทราบว่าพญาขวางทะบุรี และชาวเมืองไม่อยู่ในศีลในธรรม จึงร้อนถึงพญาแถนที่คอยปกปักรักษาเมือง เเละเพื่อให้เกิดความสงบโดยเร็ว จึงส่งงูฟาง (งูชนิดหนึ่ง) จำนวนมากลงมาจากท้องฟ้า เข้ากัดกินผู้คน เเละทำลายเมืองจนกลายเป็นเมืองร้าง มีเพียงนางกองสี ผู้เป็นพระธิดาของเจ้าเมืองที่รอดชีวิต เนื่องจากนางถูกพระบิดาซ่อนเอาไว้ในกลอง
จากนั้นจึงเขียนข้ามไปเล่าเรื่องที่ฝาผนังทิศตะวันออกด้านทิศเหนือ เขียนเรื่องราวในตอนที่เจ้าคัทธณะกุมารรับสั่งให้ชายไม้ร้อยกอและชายเกวียนร้อยเล่ม จัดหาฟืนมาก่อเป็นกองไฟกองใหญ่ เพื่อสร้างกลุ่มควันให้ลอยขึ้นไปถึงวิมานของพญาแถน ครั้นเมื่อเห็นกลุ่มควันพญาแถนจึงส่งงูร้ายลงมาอีกครั้ง เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าคัทธนกุมารจึงใช้ไม้เท้าต้นชี้ตายปลายชี้เป็นปราบงูร้ายจนหมดสิ้น จากนั้นจึงเขียนเล่าเรื่องลงมาบริเวณด้านขวาล่างสุด บริเวณข้างหน้าต่าง เป็นภาพของงูฟางที่ตายเกลื่อนกลาด
จากนั้นจึงเขียนกลับไปเล่าเรื่องที่บริเวณกลางภาพเหนือหน้าต่าง เป็นเรื่องราวในตอนที่เจ้าคัทธณะกุมารใช้ไม้เท้าต้นชี้ตายปลายชี้เป็น ชุบชีวิตเจ้าเมือง พระมเหสี เหล่าชาวเมือง เเละสัตว์เลี้ยงให้ฟื้นคืนจากความตาย โดยใช้ดีดพิณสามสายนำกระดูกของคนเเละสัตว์ทั้งหลายมากองรวมกัน แล้วใช้ไม้เท้าต้นชี้ตายปลายชี้เป็น ชี้ไปยังกองกระดูกนั้น ด้วยฤทธิ์อันวิเศษของใช้ไม้เท้าต้นชี้ตายปลายชี้ จึงทำให้เจ้าเมือง เหล่าชาวเมือง เเละสัตว์ต่างๆฟื้นคืนจากความตาย ครั้นความทราบถึงพญาแถนว่ามีพระโพธิสัตว์มาจุติยังโลกมนุษย์ จึงยุติการโจมตีเมืองขวางทะบุรี
จากนั้นเขียนเล่าเรื่องต่อไปยังข้างหน้าต่างฝั่งซ้ายมือ เป็นเรื่องราวภายหลังจากพญาขวางทะบุรีพระชายา และเหล่าชาวเมืองฟื้นคืนจากความตาย จึงพากันเดินเข้ามาถามนางกองสี ว่าบุรุษผู้นี้เป็นใครมากจากไหน นางกองสีจึงเเจ้งเเก่พระบิดาเเละเหล่าราษฏรว่า เขาคือผู้มีบุญ เป็นผู้ชุบชีวิตพระบิดา พระมารดา เเละเหล่าชาวเมืองน้อยใหญ่ให้ฟื้นคืนจากความตาย ครั้นเจ้าเมืองขวางทะบุรีได้ฟังดังนั้น จึงสำนึกในบุญคุณ จึงยกนางกองสีให้แก่เจ้าคัทธนกุมาร เเละแต่งตั้งชายไม้ร้อยกอและชายเกวียนร้อยเล่มเป็นอุปราชแสนเมือง มีข้าทาสบริวารมากมายรายล้อม บ้านเมืองสงบร่มเย็น ครั้นล่วงไปได้ 11 เดือน จึงหวนนึกถึงจุดหมายคือการตามหาบิดา จึงยกเมืองขวางทะบุรีให้กับชายไม้ร้อยกอ และให้นางกองสีเป็นคู่ครองเรือนต่อไป ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเมืองขึ้นใหม่ นามว่า “เมืองนครราศ” จากนั้นจึงเขียนเล่าเรื่องต่อไปที่ด้านขวามือของหน้าต่าง ของฝาผนังด้านเหนือ ของมุขทิศตะวันออก เขียนภาพชายไม้ร้อยกอและนางกองสีครองเมืองนครราศ
Physical Data