Description
Digital Data
จิตรกรรมฝาผนังมุขทิศตะวันตก และฝาผนังด้านทิศเหนือของมุขตะวันตก จิตรกรรมในฝาผนังมุขตะวันตกส่วนนี้ เป็นจิตรกรรมเรื่อง “เนมิราชชาดก” เนมิราชชาดกเป็นเรื่องราวที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าเนมิราช ครองนครมิถิลา เป็นเรื่องราวที่กล่าวถึงพระเนมิราชผู้บำเพ็ญคุณงามความดีโดยพระเนมิราชนั้นปกครองเมืองด้วยกับทำบุญทำทานทำให้เมืองนั้นสงบสุข แล้ววันหนึ่งพระอินทร์ให้มาตุลีมาเชิญพระเนมิราชไปเที่ยวเล่นบนสวรรค์สักระยะ พระเนมิราชจึงขึ้นรถเทียมม้าไปกับมาตุลี ซึ่งพระองค์ได้ตรัสว่า ก่อนจะไปสววรค์ขอไปดูนรกก่อนได้หรือไม่ มาตุลีจึงพาพระเนมิราชไป เมื่อไปถึงพระองค์พบแต่ความเจ็บปวดคงามน่ากลัวทำให้พระองค์ระลึกว่าต้องไม่ประพฤติชั่ว เสร็จแล้วจึงขึ้นไปบนสวรรค์ซึ่งมีแต่วิมานสวยงาม มีสวนอันน่ารื่ยรมย์แตกต่างจากนรกโดยสิ้นเชิง ชื่นชมเสร็จก็ไปพบพระอินทร์ตามพระบัญชา เมื่อถึงคราพระเนมิราชกลับมายังโลกมนุษย์พระองค์ทรงนำสิ่งที่เจอไปเล่าให้ประชาชนในเมืองมิถิลาฟัง ทำให้ประชาชนรักในการทำความดีซึ่งเป็นผลให้เมืองนี้มีความสุขต่อๆมา
ในภาพจิตรกรรมเรื่อง เนมิราชชาดก เริ่มเล่าเรื่องจิตรกรรมที่ฝังซ้ายหรือด้านทิศใต้ ของฝาผนังด้านนี้ เป็นเหตุการณ์เริ่มเรื่องที่ฝั่งซ้ายของปราสาทเมืองมิถิลา ที่พระอินทร์จึงทรงมีพระบัญชาให้พระมาตุลีบุตรขับเวชยันตราชรถลงมารับพระเจ้าเนมิราช เพื่อไปท่องสวรรค์และนรก และจิตรกรรมได้ข้ามมาเล่าเรื่องที่ฝังขวา หรือด้านเหนือของฝาผนังด้านนี้ จิตรกรรมในฝั่งด้านนี้ได้เล่าเรื่องราวตอนที่ ก่อนถึงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มาตลีเทพบุตรขับเวชยันตราชรถพาพระเจ้าเนมิราชรถเสด็จเที่ยวชมนรกก่อน นรกที่เสด็จเที่ยวชมได้นั้น มี ๑๕ ขุม ซึ่งเป็นภาพจิตรกรรมด้านล่าง ฝั่งขวาหรือด้านทิศเหนือ ยาวต่อเนื่องไปจนถึง ฝาผนังด้านทิศเหนือของมุขตะวันตก
จิตรกรรมเล่าต่อกลับมาที่กลางผนัง บริเวณเหนือประตูทางเข้า เป็นเหตุการณ์ที่พระเจ้าเนมิราชได้เข้าเฝ้าพระอินทร์ที่เทวสภา บรรยากาศภายในเทวสภาอบอุ่น พระเจ้าเนมิราชประทับบนทิพยอาสน์เคียงคู่กับพระอินทร์เบื้องหน้า เนืองแน่นไปด้วยหมู่เทวดา พระเจ้าเนมิราชตรัสตอบพระอินทร์ จากนั้นก็ได้กล่าวธรรมให้เทวดาทั้งหลายฟังติดต่อกัน 7 วัน (คิดเวลาในโลกมนุษย์) แล้วทูลลากลับไปโลกมนุษย์ จิตรกรรมเล่าต่อไปที่ฝั่งซ้ายของเทวสภาเป็นตอนที่ พระมาตุลีบุตรขับเวชยันตราชรถลงไปส่งเสด็จพระเจ้าเนมิราช ยังปราสาทเมืองมิถิลา จิตรกรรมเรื่องเนมิราชชาดก กลับมจบที่ฝั่งขวาของปราสาทเมืองมิถิลา หรือที่บริเวณฝาผนังด้านซ้ายหรือทิศใต้ ของมุขด้านตะวันตก เป็นเรื่องราวที่ เมื่อถึงคราพระเนมิราชกลับมายังโลกมนุษย์พระองค์ทรงนำสิ่งที่เจอไปเล่าให้ประชาชนในเมืองมิถิลาฟัง ทำให้ประชาชนรักในการทำความดีซึ่งเป็นผลให้เมืองนี้มีความสุขต่อๆมา
จิตรกรรมในมุขด้านตะวันตกนี้ ยังมีจิตรกรรมขนาดใหญ่ ที่บริเวณข้างซ้ายประตูทางเข้า เช่นเดียวกับในจิตรกรรมของมุขด้านทิศตะวันออกและมุขด้านทิศใต้ โดยเป็นภาพชายหญิงชาวพม่า อยู่ในลักษณะอาการที่ชายหนุ่มป้องปากคุยกับหญิงสาว มีการแต่งกายที่เป็นชาวพม่าแบบที่นิยมในยุคนั้น นอกจากนี้ที่แตกต่างจากจิตรกรรมในมุขด้านอื่นๆ คือบริเวณเสาของวิหารฝั่งนี้ มีการเขียนจิตรกรรมให้เห็นกลุ่มคนชาติพันธ์อื่นๆที่มีในเมืองน่าน ส่วนจิตรกรรมด้านล่างสุดของเสา ยาวต่อเนื่องไปจนหมดผนังด้านนี้ ยังเป็นภาพจิตรกรรมของ ช้างและคนเลี้ยงช้าง ที่ในอดีตมีอยู่อย่างมากในเมืองน่านในยุคนั้น และมีจิตรกรรมที่พิเศษคือ ในบริเวณช่วงกลางของเสาวิหารฝั่งนี้คือ จิตรกรรมของวานรในท่าเสพสังวาสที่วาดไว้ ขนาดใหญ่พอสมควร ในที่นี้ภาพจิตรกรรมวานรเสพสังวาสนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องราวมนฝาผนังมุขทิศตะวันตกนี้ สันนิษฐานว่า น่าจะเป็นการวาดเพิ่อให้ผู้ชมมีอารมณ์ผ่อนคลายและขบขัน เนื่องจากจิตรกรรมอีกด้านเป็นภาพภพภูมิในนรก ที่ดูแล้วทำให้เกิดความน่ากลัวและสยดสยอง จึงได้วาดภาพจิตรกรรมให้เกิดการเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึกบ้าง
Physical Data