Description
Digital Data
ภาพเขียนขบวนทัพเจ้ารัตนะแสงเมืองประทับบนหลังช้าง เพื่อกลับไปยังเมืองผาเรือ ในบริเวณนี้มีชุดอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “เจ้ารัตนะแสงเมืองไปฮบ เมืองผาเงาได้นางแมนเหลากลับคืนมาหนี้แล” แปลได้ว่า “เจ้ารัตนะแสงเมืองไปรบเมืองผาเงา แล้วได้นางแมนเหลากลับมา” ส่วนบริเวณด้านล่างมีอักษรล้านนาซึ่งเขียนเพิ่มในยุคหลัง อ่านได้ความว่า “อย่าหยุบเน้อว่าบ่ฟังหื้ออายุสั้นพลันตาย” แปลได้ว่า “อย่าจับนะ บอกไม่ฟัง ขอให้อายุสั้น ตายไว”
เจ้ารัตนะแสงเมืองทรงเครื่องแบบกษัตริย์ สวมกระบังหน้ามีกรรเจียก คือเครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนก ใช้ประกอบกับพระมหามงกุฎ พระชฎา หรือรัดเกล้า และสวมกรองศอทับบนเสื้อแขนยาว มีทับทรวงและสายสังวาลสะพายแล่ง สวมพาหุรัดที่ต้นแขน นุ่งสนับเพลา คือกางเกงขายาวประมาณครึ่งแข้งมีผ้าห้อยหน้าหรือชายไหวระหว่างชายแครง มีแถบผ้าปลายงอนหุ้มปลายขากางเกงทั้ง 2 ข้าง นุ่งโจงทับ ปัจจุบันยังหมายถึงกางเกงด้วย ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสนับเพลา
ควาญช้างแต่งกายแบบชายไทยวนในล้านนา คือ สวมเสื้อผ้าสีเรียบคอตั้งแขนยาว นุ่งผ้าผืนเดียวเรียกว่านุ่งแบบ“นุ่งผ้าต้อย” หรือ “เค็ดม่าม”โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมร หรือโจงกระเบน และสวมหมวกแบบของชาวตะวันตก เบื้องหลังมีเหล่าทหารชาวเงี้ยว (ไทใหญ่) คือ สวมเสื้อคลุมตัวยาวแขนยาว ด้านในใส่เสื้อคอกลม นุ่งผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวเรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย” หรือ “เค็ดม่าม” โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมร หรือโจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่าที่มีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างหนึ่งของชายในกลุ่มนี้ ตัดผมสั้นและโพกผ้าที่มีปลายแหลมชี้ขึ้น บางคนมีการไว้หนวดที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก และไม่สวมรองเท้า ถือดาบและกระบองเดินตาม
Physical Data