Description
Digital Data
TITLE:
ลำปาง
AUTHOR:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
KEYWORDS:
กัณฑ์ที่ 2, กัณฑ์หิมพานต์, จิตรกรรมภาพพระบฏ, ซิ่นต๋า, ตุงค่าว, ตุงค่าวธรรม, ประวัติศาตร์ล้านนา, ประวัติศาสตร์ลำปาง, ประเทศไทย, ปัจจัยนาค, พระบฏ, พระศรีอาริย์, พระเวสสันดรชาดก, พราหมณ์ทั้ง 8, ภาคเหนือ, ภาพพระบฏ, ภาพเขียนพระบฏ, มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์, ล้านนา, ลำปาง, วัดทุ่งคา, หอภาพถ่ายล้านนา, อำเภอเเจ้ห่ม, เมืองกลิงคราฐ, เวสสันดร, เวสสันดรชาดก
DESCRIPTION:
แผ่นที่ 4 กัณฑ์ที่ 2 กัณฑ์หิมพานต์
เป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่พราหมณ์ทั้ง 8 จากเมืองกลิงคราฐเข้าเฝ้าพระเวสสันดรเพื่อทูลขอช้างปัจจัยนาเคน
ความเดิม
พระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็นพระราชธิดาพระเจ้ามัททราช เมื่อเจริญชนม์ได้ 16 ชันษาจึงได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากรุงสัญชัย แห่งสิพีรัฐนคร ต่อมาได้ประสูติพระโอรสนามว่า “เวสสันดร”ในวันที่ประสูตินั้นได้มีนางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือกขาวบริสุทธิ์จึงนำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มีนามว่า “ปัจจัยนาค” เมื่อพระเวสสันดรเจริญชนม์ 16 พรรษา พระราชบิดาก็ยกสมบัติให้ครอบครองและทรงอภิเษกกับนางมัทรี พระราชธิดาราชวงศ์มัททราช มีพระโอรส 1 องค์ชื่อ ชาลี ราชธิดา ชื่อ กัณหา พระองค์ได้สร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อพระเจ้าเมืองกลิงคราชแห่งนครกลิงครัฐได้ส่งพราหมณ์มาขอพระราชทานช้างปัจจัยนาเคน เนื่องจากเมืองกลิงครัฐเกิดความแห้งแล้งและช้างปัจจัยนาเคนมีอิทธิฤทธิ์ที่สามารถทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลได้ พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาคให้แก่พระเจ้าเมืองกลิงคราฐ ชาวกรุงสิพีโกรธแค้นจึงเนรเทศพระเวสสันดรออกนอกพระนคร
พระเวสสันดรทรงประทับอยู่กลางปราสาททรงเครื่องทรงแบบทางกษัตริย์ ส่วนพระนางมัทรีทรงประทับฝั่งขวาของปราสาทมีรูปแบบการแต่งกายคือ เปลือยอกมีผ้ามาคลุมไหล่มุ่นมวยทรงสูงไว้ด้านหลัง นุ่งผ้า “ซิ่นต๋า” เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ส่วนพราหมณ์ขณะเข้าเฝ้าพระเวสสันดรเครื่องแต่งกายที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากการแต่งกายของชายไทยในกรุงเทพคือ ใส่เสื้อแขนยาวสวมโจงกระเบน ด้านหน้าปราสาทมีการจัดเลี้ยงพราหมณ์ ซึ่งมีการแต่งกายที่หลากหลายหญิงที่มีการแต่งกายคือ สวมเสื้อแขนยาวมุ่นมวยทรงสูงไว้ด้านหลัง นุ่งผ้า “ซิ่นต๋า”เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ และยังมีหญิงอีก 2 คนมุ่นมวยทรงสูงไว้ด้านหลังนั่งคลุมผ้าห่มที่เรียกว่า ผ้าห่มขาวแซงแดงดำ
ส่วนชายมีการแต่งกายหลายแบบด้วยกันคือ ชาบที่ยืนซ้ายมีการแต่งกายแบบชาวจีน สวมหมวกเจ็กไว้ผมหางเปียสวมเสื้อคอตั้งแขนยาว ใส่กางเกงสามส่วน ส่วนชายอีกหลายคนเครื่องแต่งกายที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากการแต่งกายของชายไทยในกรุงเทพคือ ใส่เสื้อแขนยาวสวมโจงกระเบน ฝั่งขาวสุดมีชายอีก 4 คนนั่งรับประทานอาหารจากโตกและกล่องเครี่องเขินของล้านนา นั่งห่มผ้าห่มทั้ง 4 คน
เป็นภาพเหตุการณ์ตอนที่พราหมณ์ทั้ง 8 จากเมืองกลิงคราฐเข้าเฝ้าพระเวสสันดรเพื่อทูลขอช้างปัจจัยนาเคน
ความเดิม
พระนางผุสดีได้จุติลงมาเป็นพระราชธิดาพระเจ้ามัททราช เมื่อเจริญชนม์ได้ 16 ชันษาจึงได้อภิเษกสมรสกับพระเจ้ากรุงสัญชัย แห่งสิพีรัฐนคร ต่อมาได้ประสูติพระโอรสนามว่า “เวสสันดร”ในวันที่ประสูตินั้นได้มีนางช้างฉัททันต์ตกลูกเป็นช้างเผือกขาวบริสุทธิ์จึงนำมาไว้ในโรงช้างต้นคู่บารมีให้มีนามว่า “ปัจจัยนาค” เมื่อพระเวสสันดรเจริญชนม์ 16 พรรษา พระราชบิดาก็ยกสมบัติให้ครอบครองและทรงอภิเษกกับนางมัทรี พระราชธิดาราชวงศ์มัททราช มีพระโอรส 1 องค์ชื่อ ชาลี ราชธิดา ชื่อ กัณหา พระองค์ได้สร้างโรงทาน บริจาคทานแก่ผู้เข็ญใจ ต่อพระเจ้าเมืองกลิงคราชแห่งนครกลิงครัฐได้ส่งพราหมณ์มาขอพระราชทานช้างปัจจัยนาเคน เนื่องจากเมืองกลิงครัฐเกิดความแห้งแล้งและช้างปัจจัยนาเคนมีอิทธิฤทธิ์ที่สามารถทำให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาลได้ พระองค์จึงพระราชทานช้างปัจจัยนาคให้แก่พระเจ้าเมืองกลิงคราฐ ชาวกรุงสิพีโกรธแค้นจึงเนรเทศพระเวสสันดรออกนอกพระนคร
พระเวสสันดรทรงประทับอยู่กลางปราสาททรงเครื่องทรงแบบทางกษัตริย์ ส่วนพระนางมัทรีทรงประทับฝั่งขวาของปราสาทมีรูปแบบการแต่งกายคือ เปลือยอกมีผ้ามาคลุมไหล่มุ่นมวยทรงสูงไว้ด้านหลัง นุ่งผ้า “ซิ่นต๋า” เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ส่วนพราหมณ์ขณะเข้าเฝ้าพระเวสสันดรเครื่องแต่งกายที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากการแต่งกายของชายไทยในกรุงเทพคือ ใส่เสื้อแขนยาวสวมโจงกระเบน ด้านหน้าปราสาทมีการจัดเลี้ยงพราหมณ์ ซึ่งมีการแต่งกายที่หลากหลายหญิงที่มีการแต่งกายคือ สวมเสื้อแขนยาวมุ่นมวยทรงสูงไว้ด้านหลัง นุ่งผ้า “ซิ่นต๋า”เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ และยังมีหญิงอีก 2 คนมุ่นมวยทรงสูงไว้ด้านหลังนั่งคลุมผ้าห่มที่เรียกว่า ผ้าห่มขาวแซงแดงดำ
ส่วนชายมีการแต่งกายหลายแบบด้วยกันคือ ชาบที่ยืนซ้ายมีการแต่งกายแบบชาวจีน สวมหมวกเจ็กไว้ผมหางเปียสวมเสื้อคอตั้งแขนยาว ใส่กางเกงสามส่วน ส่วนชายอีกหลายคนเครื่องแต่งกายที่น่าจะได้รับอิทธิพลจากการแต่งกายของชายไทยในกรุงเทพคือ ใส่เสื้อแขนยาวสวมโจงกระเบน ฝั่งขาวสุดมีชายอีก 4 คนนั่งรับประทานอาหารจากโตกและกล่องเครี่องเขินของล้านนา นั่งห่มผ้าห่มทั้ง 4 คน
PUBLISHER:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
OTHER CONTRIBUTORS:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
DATE:
07/02/2558
RESOURCE TYPE:
จิตรกรรมภาพพระบฏ
FORMAT:
Image/jpeg
RESOURCE IDENTIFIER:
คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหอภาพถ่ายล้านนา ในกำกับของกรรมการอำนวยการหอภาพถ่ายล้านนา
SOURCE:
จิตรกรรมฝาผนัง
LANGUAGE:
ไทย/อังกฤษ
RELATION:
–
COVERAGE:
วัดทุ่งคา อ.เเจ้ห่ม จ.ลำปาง ภาคเหนือ ประเทศไทย
RIGHT MANAGEMENT:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
Physical Data
COLLECTION NAME:
ลำปาง
IMAGE CODE:
02_25_20150207_MR25-01_04
SUBJECT AGE:
ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 25
CATEGORY:
จิตรกรรมภาพพระบฏ
PROVENANCE:
ศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
COVERAGE:
วัดทุ่งคา อ.เเจ้ห่ม จ.ลำปาง ภาคเหนือ ประเทศไทย
View map
View map
ORIGINAL SIZE:
85.5 x 140 cm
DIGITAL SIZE:
2998 x 4642 Pixels