Description
Digital Data
ภาพเขียนบริเวณมุมขวาด้านบน เป็นเรื่องราวในตอนที่นางสาวดีจัดให้มีขบวนตอนรับเชิญเจ้ารัตนะแสงเมืองกลับพระนคร ในบริเวณนี้ด้านบนมีอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “นายบ้านฮู้ก็ใช้คนเมื่อไหว้สา นางสาวดีอันเป็นแม่ คันรู้แล้ว” แปลได้ว่า “นายบ้านเมื่อรู้ว่านางสาวดีมา ก็ใช้คนออกมาต้อนรับ” ถัดมาเป็นชุดอักษรบริเวณเหนือหลังคา (บริเวณใต้ร่มคันขวา) อ่านได้ว่า “นางสาวดี” ใต้ร่มคันซ้าย อ่านได้ความว่า “แสงเมือง”
นอกจากนี้ยังมีอักษรล้านนาที่เขียนเพิ่มขึ้นในภายหลังด้วยดินสอและปากกา เป็นข้อความเตือนไม่ให้จับหรือลูบบนภาพเขียน ซึ่งอาจจะทำให้ภาพเกิดความเสียหายได้ ประกอบด้วย ชุดอักษรบริเวณกลางภาพ (ด้านซ้าย) อ่านได้ความว่า “ห้ามลูบ” และมีอักษรล้านนาเขียนด้วยดินสอ (ระหว่างพระกลดทั้งสอง) อ่านได้ความว่า “ผู้ใดมาเหยี้ยมจะไปลูบเน้อ” แปลได้ว่า “ผู้ใดมาเยี่ยมชมห้ามลูบ”
ในภาพเจ้ารัตนะแสงเมืองและนางสาวดี ประทับนั่งบนหลังม้า มีพระกลดกางกั้นมุ่งหน้าเข้าสู่พระนคร
เจ้ารัตนะแสงเมืองทรงเครื่องแบบกษัตริย์ คือ สวมกระบังหน้ามีกรรเจียก คือเครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนก ใช้ประกอบกับพระมหามงกุฎ พระชฎา หรือรัดเกล้า และสวมกรองศอทับบนเสื้อแขนยาว มีทับทรวงและสายสังวาลสะพายแล่ง สวมพาหุรัดที่ต้นแขนล้วนทำจากทองคำ ส่วนนางสาวดีแต่งกายแบบสาวชาวไทยวนในล้านนา คือ นำผ้าแถบสีเรียบมาห่มเฉียงแบบสไบ หรือคล้องทิ้งชายไปด้านหลังเรียกว่า “สะหว้ายแหล้ง” หรือ “เบี่ยงบ้าย” นุ่งซิ่นตีนจก คือซิ่นต๋า ที่นิยมใช้ในหญิงไทยวนของล้านนา มุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง”ไว้กลางศีรษะมัดมวยด้วยสร้อยคำหรือสร้อยทอง เจาะหูใส่ “ลานหู” มีลักษณะเป็นแผ่นใบลาน แผ่นเงิน หรือทองคำ นำมาม้วนแล้วใส่เข้าไป สวมกำไลทองคำ ส่วนเหล่านางสนมกำนัลถือขันหมากคำ (ทองคำ) และคณโฑน้ำคำ (ทองคำ) แต่งกายแบบหญิงไทยวนที่พบได้ทั่วไปในล้านนา คือ เปลือยอกนำผ้าที่มีลวดลายมาคล้องคอห้อยชายทั้งสองไปด้านหลัง และนำผ้าแถบสีเรียบมาห่มเฉียงแบบสไบหรือคล้องทิ้งชายไปด้านหลังเรียกว่า “สะหว้ายแหล้ง” หรือ “เบี่ยงบ้าย” นุ่งซิ่นต๋า ทรงผมมีการเกล้ามวยที่เรียกว่าทรง “วิดว้อง”และ “ตั้งเกล้า” ไว้กลางศีรษะ ส่วนเหล่าเสนาอำมาตย์สวมใส่เสื้อคอตั้งแขนยาว สวมโจงกระเบนด้วยผ้าที่มีลวดลาย ไว้ผมทรงมหาดไทย ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากกรุงเทพ ส่วนเหล่าหทารในมือถือหอก เเละดาบคาบศิลา
Physical Data