Description
Digital Data
ภาพเขียนนางแมนเหลาขณะมองดูนกแขกเต้า ดังในเนื้อหาในชาดกตอนหนึ่งว่า “นางแมนเหลามายังอุยาน มาจวบใส่นกแขกเก้าตัวหนึ่งพูดได้ดั่งคน จึงอุทานด้วยความประหลาดใจ” ในบริเวณนี้มีอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “นกเชื้อใดมาปากเหมือนฅนนั้นอี่” แปลได้ว่า “นกพันธุ์ไหนทําไมมาพูดได้เหมือนคนนั้นเธอ” ในบริเวณนี้มีอักษรล้านนาเขียนกำกับจำนวนหลายชุด ประกอบด้วย อักษรล้านนาบริเวณด้านล่างของภาพ อ่านได้ความว่า “นางสองฅนนี้แม่น นางแมนเหลาใจ๊มาเอาดอกในอุนยานลวดมาจวบใส่นกแล ตั๋วเจ้าแสงเมืองใจ๊ไป” แปลได้ความว่า “นางสองคนนี้นางแมนเหลาได้ให้มาเอาดอกไม้ในสวนอุทยาน แล้วมาเจอนกแก้วตัวที่เจ้ารัตนะแสงเมืองใช้มาหา” ถัดมาชุดอักษรล้านนาบริเวณด้านขวาบนของนกแขกเต้า อ่านได้ความว่า “นกเชื้อใดมาปากเหมือนฅนนั้นอี่” แปลได้ว่า “นกพันธุ์ไหน ทําไมมาพูดได้เหมือนคนนั้นเธอ” ถัดมาเป็นชุดอักษรล้านนาบริเวณฝั่งซ้ายมือ (ข้างนางสนมทั้ง 2 คน) อ่านได้ความว่า “นายฅนงามพี่ขอเหน็บดอกพร่องนา” แปลได้ความว่า “น้องสาวคนสวยพี่ขอทัดดอกไม้ให้หน่อยนะ” และชุดสุดท้ายเป็นชุดอักษรล้านนาบริเวณกลางภาพ (ด้านบนนางแมนเหลา) อ่านได้ความว่า “เหน็บค็เหน็บก่าเจ้า” แปลได้ว่า “ทัดก็ทัดคะ” ส่วนหญิงสาวด้านหลังเป็นเหล่านางสนมกำนัล ลักษณะคล้ายกับกำลังเก็บดอกไม้ใส่กระปุง หรือในล้านนาเรียกว่า “ปุง” ทำจากเครื่องเขินสีแดงส้ม เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีภาพเขียนไก่พันธ์พื้นกำลังหากินอยู่
นางแมนเหลาแต่งกายแบบหญิงสาวชาวไทยวนในล้านนา คือ เปลือยอกนำผ้าแถบสีเรียบมาห่มคล้องทิ้งชายไปด้านหลัง นุ่งซิ่นตีนจก คือซิ่นต๋าที่ต่อด้วยตีนจก ที่นิยมใช้ในหญิงไทยวนของล้านนา ส่วนท้องซิ่นน่าจะเป็น “ซิ่นต๋ามะนาว” คือท้องซิ่นรูปแบบเฉพาะที่พบได้แต่ในเมืองแพร่เท่านั้น นับเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของผ้าซิ่นตีนจกในเมืองแพร่ ไว้ผมมุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง”ไว้กลางศีรษะมีการนำดอกไม้มาทัดที่มวยผม และไม่สวมรองเท้า ส่วนเหล่านางสนมแต่งกายแบบสาวไทยวนโดยทั่วไปในล้านนา คือ เปลือยอกมีการนำผ้าแถบสีเรียบและมีลวดลาย นำมาห่มคล้องคอห้อยชายไปด้านหลัง นุ่งซิ่นต๋าต่อตีนแดงที่เป็นที่นิยมของหญิงชาวไทยวนในล้านนา ไว้ผมมุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง” ไว้กลางศีรษะ นำดอกไม้มาทัดที่มวยผม และไม่สวมรองเท้า
Physical Data