Description
Digital Data
จิตรกรรมช่องที่ 2 จิตรกรรมในช่องนี้เริ่มตั้งแต่บริเวณเสาที่ 5 และผนังระหว่างเสาที่ 5 และเสาที่ 4 จากด้านในสุด จิตรกรรมในช่องนี้มีสภาพเช่นเดียวกับจิตรกรรมทุกผนังคือ เสียหายค่อนข้างมากจิตรกรรมเหลือเพียงครึ่งล่างของผนังเท่านั้น จึงเป็นการลำบากที่จะสามารถอ่านเรื่องราวและเหตุการณ์ในจิตรกรรมได้ทั้งหมด แต่ยังคงเหลือจิตรกรรมส่วนสำคัญที่ทำให้พอทราบเรื่องราวได้ จึงทำให้ทราบได้ว่าจิตรกรรมช่องนี้ เป็นมหาชนกชาดก โดยมีความว่า
มหาชนกชาดก มีเค้าโครงเรื่องว่า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก โอรสของพระเจ้าอริฏฐชนก แห่งนครมิถิลา เมื่อยังอยู่ในครรภ์พระมารดานั้น พระบิดาได้ทำสงครามกับกับพระอนุชาของพระองค์เองจนสิ้นพระชนม์ พระมารดาจึงหนีไปอยู่นครกาลจัมปากะ ต่อมาก็ประสูติพระมหาชนก เมื่อพระมหาชนกเติบใหญ่ขึ้น ทราบเรื่องราวของพระบิดา จึงทรงตั้งใจศึกษาศิลปวิทยาทุกแขนงจนแตกฉาน เมื่อพระชนม์ครบ 16 พรรษา จึงขอทุนทรัพย์จากพระมารดา นำไปทำการค้าทางเรือสำเภา เพื่อหาทุนไปชิงเมืองคืนมา แต่ขณะเดินทางกลางมหาสมุทร เรือสำเภาอับปางลง ผู้คนทั้งหลายบ้าก็จมน้ำตาย บ้างก็ตกเป็นเหยื่อของสัตว์ทะเล พระมหาชนกอดทนว่ายน้ำในมหาสมุทรถึง 7 วัน
นางมณีเมขลาผู้รักษามหาสมุทร เห็นแล้วเกิดความเลื่อมใส จึงช่วยพาส่งขึ้นฝั่งในอุทยานของพระเจ้าโปลชนก ซึ่งเสด็จสวรรคตไปแล้ว ในขณะนั้นพระธิดากำลังทรงหาคู่ครองด้วยการเสี่ยงรถ จนพระมหาชนกไขปริศนาได้ จึงได้เป็นผู้ครองราชสมบัตินั้น วันหนึ่งเสด็จประพาสอุทยาน ทรงเห็นต้นมะม่วง 2 ต้น ต้นหนึ่งออกผลเต็มต้น อีกต้นไม่มีผล ครั้นพอเสด็จกลับมาอีกครั้งพบว่ามะม่วงต้นที่มีผลเต็มนั้นถึงดึงหักโค่นลงหมด ส่วนต้นที่ไม่มีผลยังอยู่ดี ทำให้พระองค์ทรงเห็นโทษของการครองราชสมบัติ ว่าเปรียบเหมือนต้นมะม่วงที่มีผลก็มีภัย หากไม่มีผลก็ไม่มีภัย การสละราชสมบัติออกผนวชก็เหมือนต้นมะม่วงที่ไม่มีผลย่อมไม่มีภัย จึงทรงออกผนวช เรื่องนี้เน้นการบำเพ็ญบารมี
ภาพจิตรกรรมในช่องนี้ดังที่กล่าวมาข้างต้นว่า เสียหายค่อนข้างมากจิตรกรรมเหลือเพียงครึ่งล่างของผนังเท่านั้น แต่ยังคงเหลือจิตรกรรมส่วนสำคัญที่ทำให้พอทราบเรื่องราวได้ ว่าจิตรกรรมช่องนี้ เป็น “มหาชนกชาดก” จิตรกรรมในช่องนี้เริ่มตั้งแต่บริเวณเสาที่ 5 และผนังระหว่างเสาที่ 5 และเสาที่ 4 จากด้านในสุด ด้านบนที่ลบเลือนไปนั้น น่าจะเป็นตอนต้นเรื่องของมหาขนกชาดก
โดยจิตรกรรมบริเวณเสาที่ 5 ถึงกลางผนังนั้น น่าจะเป็นเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดในปราสาทเมืองมิถิลา ที่เจ้าโปลชนกก็พาสมัครพรรคพวกยกเป็นกองทัพไปล้อมเมืองมิถิลา พระเจ้าอริฏฐชนกทรงเห็นว่าไม่มีทางจะเอาชนะได้จึงตรัสสั่งพระมเหสีซึ่งกำลังทรงครรภ์แก่ให้ทรงหลบหนีเอาตัวรอด ส่วนพระองค์เองทรงออกทำสงครามและสิ้นพระชนม์ในสนามรบ เจ้าโปลชนกจึงทรงได้เป็นกษัตริย์ครองเมืองมิถิลาสืบต่อมา พระมเหสีพระเจ้าอริฏฐชนกเสด็จหนีไปอยู่เมืองกาลจัมปากะและประสูติพระมหาชนก ฝั่งขวามือน่าจะเป็นที่ประทับของเจ้าโปลชนก ก่อนที่จะเข้าตีเมืองมิถิลา จิตรกรรมบริเวณกลางน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่กองทัพของเจ้าโปลชนกไปล้อมเมืองมิถิลา
จิตรกรรมบริเวณด้านล่างน่าจะเป็นเหตุการณ์ กองเรือของพระมหาชนกทรงจัดซื้อสินค้าบรรทุกลงเรือร่วมไปกับพ่อค้าชาวสุวรรณภูมิในระหว่างทางเกิดพายุใหญ่โหมกระหน่ำ คลื่นซัดจนเรือแตก พระมหาชนกทรงแหวกว่าย อยู่ในทะเลได้นานถึง 7 วัน นางมณีเมขลาได้สรรเสริญความเพียรของมหาชนกกุมารและช่วยอุ้มพามหาชนกกุมารไปจนถึงฝั่งเมืองมิถิลา ในภาพจิตรกรรมจะเป็นภาพกองเรือที่เขียนยาวตั้งแต่บริเวณเสาที่ 5 และผนังระหว่างเสาที่ 5 และเสาที่ 4
Physical Data