Description
Digital Data
จิตรกรรมเริ่มเล่าเรื่องที่ช่องด้านซ้ายเป็นกัณฑ์ที่ 10 สักกบรรพ เป็นกัณฑ์ที่พระอินทร์เจ้าจำแลงกายเป็นพราหมณ์มาขอพระนางมัทรี แล้วสลบลงเมื่อได้พบท้าวสักกะเทวราชเสด็จแปลงเป็นพราหมณ์เพื่อทูลขอพระนางมัทรี พระเวสสันดรจึงพระราชทานให้พระนางมัทรีก็ยินดีอนุโมทนาเพื่อร่วมทานบารมีให้สำเร็จพระสัมโพธิญาณเป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินไหวสะท้าน ท้าวสักกะเทวราชในร่างพราหมณ์จึงฝากนางมัทรีไว้ยังไม่รับไป ตรัสบอกความจริงและถวายคืนพร้อมถวายพระพร ๘ ประการ
ในภาพเป็นตอนที่พระเวสสันดรได้หลั่งทักษิโณทกยกนางมัทรีให้แก่ท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์เจ้า ที่ประทับของพระเวสสันดร มีรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ได้รับอิทธิพลจากรัตนโกสินทร์ นำมาผสมผสานกับรูปแบบของท้องถิ่นในเมืองน่าน พระเวสสันดรทรงเครื่องแบบพระดาบนักบวช คือสวมพระชฎาห่มผ้าแบบนักบวช ด้านบนซ้ายเป็นท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์เจ้าทรงเหาะมา เครื่องทรงของพระอินทร์ สวมพระมหามงกุฎ และสวมกรองศอทับบนเสื้อแขนยาว มีทับทรวงและสายสังวาลสะพายแล่ง สวมพาหุรัดที่ต้นแขน นุ่งโจงกระเบนทับสนับเพลาคือกางเกงขายาวประมาณครึ่งแข้ง มีผ้าห้อยหน้าหรือชายไหวระหว่างชายแครง
ในพลับพลามีท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์เสด็จแปลงเป็นพราหมณ์เพื่อทูลขอพระนางมัทรี และยังมีชายชาวพื้นเมืองนั่งอยู่หน้าพลับพลาอีก 2 คน มีการแต่งกายแบบชายชาวพื้นเมืองในขณะนั้นคือ เปลือยอกบางครั้งอาจจะมีผ้าแถบมาคล้องไว้ นุ่งโจงกระเบนที่ทำจากผ้าพื้นสีเรียบ ไว้ผมสั้นทรงลองทรง
Physical Data