Description
Digital Data
จิตรกรรมในฝาผนังนี้ยังคงเป็นจิตรกรรมเรื่องคัทธณะกุมารชาดก โดยเริ่มเรื่องที่มุมขวาล่างของฝาผนังนี้ เป็นเหตุการณ์หลังจากทรงแสดงธรรมสั่งสอนเยี่ยมเยียนพญาร้อยเอ็ดแล้วจากนั้นจึงได้ ออกเดินทางสู่ป่าหิมพานต์เพื่อตามหารอยเท้าช้างผู้เป็นบิดา ฝ่ายพระอินทร์ทรงทอดพระเนตรเห็นความยากลำบากและพระตั้งมั่นพระทัย ของเจ้าคัทธนกุมารก็โสมนัส จึงได้แปลงองค์เป็นช้างในป่าหิมพานต์ เจ้าคัทธนกุมารเมื่อทอดพระเนตรก็ทรงรู้ว่าเป็นบิดาของตน จึงเข้าไปและซักถามเรื่องราวต่างๆ พญาช้างได้ดำรัสสั่งสอนเจ้าคัทธนกุมารแล้ว ก็ขอลาไปโดยมอบงาวิเศษให้ไว้ สามารถใช้เป็นพาหนะเหาะเหินไปที่ต่าง ๆ ได้
จิตรกรรมเล่าข้ามมาที่มุมซ้ายบนเป็นเรื่องราว ที่เจ้าคัทธณะกุมารเสด็จมาถึงเมืองตักศิลา มีความเดิมว่า ต่อมาเจ้าเมืองตักศิลาให้ทหารมาทูลเชิญเจ้าคัทธณะกุมาร ไปเทศนาธรรมะให้แก่เจ้าเมืองและชาวเมืองตักศิลา เจ้าคัทธณะกุมารเลยขี่งาช้างไปยังเมืองตักศิลา แท้จริงแล้วเจ้าเมืองต้องการของวิเศษของเจ้าคัทธณะกุมาร มาเป็นของตน เจ้าเมืองตักศิลาออกอุบายเพื่อเป็นการทดสอบของวิเศษ จึงให้เจ้าคัทธณะกุมารเอาต้นไม้เท้าชี้ไปที่ตัวเจ้าคัทธนกุมารเอง เจ้าคัทธนะกุมารหลงกลเมื่อเอาไม้เท้าชี้มาที่พระองค์เอง ร่างของเจ้าคัทธณะกุมารพลันกลายเป็นแท่งทองคำ ซึ่งเป็นภาพที่มุมซ้ายล่างของฝาผนังช่องนี้
จิตรกรรมเล่าข้ามไปที่มุมขวาบนของฝาผนังนี้ เป็นเหตุการณ์มีความเดิมว่า เวลาผ่านไปคัทธจันลูกชายคนรองเกิดจากสีดา เมื่อเติบใหญ่จึงนึกเป็นห่วงพระบิดาจึงชวนคัทธเนตร พี่ชายอันเกิดจากนางสีไวออกตามหาพ่อ แต่พี่ชายทัดทานให้รอก่อน ฝ่ายคัทธจันรอไม่ไหวจึงตัดสินใจออกตามหาพ่อโดยลำพัง ก่อนออกเดินทางคัทธจันให้คัทธเนตรสัญญาว่า หากตนพบหรือได้ของวิเศษอันใดกลับมา ห้ามอิจฉาหรือขอแบ่ง เมื่อคัทธจันเดินทางมาถึงเมืองตักศิลาก็ทราบว่าเจ้าเมืองตักศิลาลวงพระบิดา จึงประหารเจ้าเมืองตักศิลาโดยการตัดเป็นท่อน ๆ ลอยแม่น้ำโขง คัทธจันกุมารใช้ปลายไม้เท้าชี้ไปยังแท่งทองคำชุบชีวิตคัทธณะกุมารให้ฟื้นคืนชีพ และได้มอบของวิเศษให้แก่ลูกของตน แล้วเหาะกลับเมืองจำปานครไปด้วยงาช้าง ส่วนคัทธจันอยู่ครองเมืองตักศิลา
Physical Data