Description
Digital Data
ภาพเขียนบริเวณช่วงกลางและมุมซ้ายด้านล่างของภาพ เป็นเรื่องราวในตอนที่นางสาวดีออกมารับเจ้ารัตนะแสงเมืองกลับเข้าพระนคร หลังจากที่ออกจากป่าได้ ในบริเวณด้านบนของภาพ มีอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “เจ้าแสงเมืองไปหลงป่ามาอยู่กับนายบ้าน นายบ้านฮู้ก็ใจ๊คนเมือไหว้สานางสาวดีอันเป๋นแม่ กันฮู้แล้วก็เอาริปนมากฮับเอาวันนั้นแม่นหนี้แลสาวเหย” แปลได้ว่า “เจ้าแสงเมืองไปหลงป่ามาอยู่กับนายบ้าน เมื่อนายบ้านรู้ก็ใช้ให้คนไปกราบทูลนางสาวดี ผู้เป็นแม่เมื่อนางได้รู้ก็ยกเอารี้พลจํานวนมากมารับเอาในวันนั้น” ส่วนชุดอักษรบริเวณมุมล่างด้านซ้าย (ภายในศาลา) อ่านได้ความว่า “นายบ้าน” ด้านหน้าศาลา อ่านได้ความว่า “นางสาวดี”
เจ้ารัตนะแสงเมืองทรงเครื่องแบบกษัตริย์ คือ สวมกระบังหน้ามีกรรเจียก คือเครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนก ใช้ประกอบกับพระมหามงกุฎ พระชฎา หรือรัดเกล้า และสวมกรองศอทับบนเสื้อแขนยาว มีทับทรวงและสายสังวาลสะพายแล่ง สวมพาหุรัดที่ต้นแขนล้วนทำจากทองคำ ส่วนนางสาวดีแต่งกายแบบสาวชาวไทยวนในล้านนา คือ นำผ้าแถบสีเรียบมาห่มเฉียงแบบสไบ หรือคล้องทิ้งชายไปด้านหลังเรียกว่า “สะหว้ายแหล้ง” หรือ “เบี่ยงบ้าย” นุ่งซิ่นตีนจก คือซิ่นต๋า ที่นิยมใช้ในหญิงไทยวนของล้านนา มุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง”ไว้กลางศีรษะมัดมวยด้วยสร้อยคำหรือสร้อยทอง เจาะหูใส่ “ลานหู” มีลักษณะเป็นแผ่นใบลาน แผ่นเงิน หรือทองคำ นำมาม้วนแล้วใส่เข้าไป สวมกำไลทองคำ ส่วนเหล่านางสนมกำนัลถือขันหมากคำ (ทองคำ) และคณโฑน้ำคำ (ทองคำ) แต่งกายแบบหญิงไทยวนที่พบได้ทั่วไปในล้านนา คือ เปลือยอกนำผ้าที่มีลวดลายมาคล้องคอห้อยชายทั้งสองไปด้านหลัง และนำผ้าแถบสีเรียบมาห่มเฉียงแบบสไบหรือคล้องทิ้งชายไปด้านหลังเรียกว่า “สะหว้ายแหล้ง” หรือ “เบี่ยงบ้าย” นุ่งซิ่นต๋า ทรงผมมีการเกล้ามวยที่เรียกว่าทรง “วิดว้อง”และ “ตั้งเกล้า” ไว้กลางศีรษะ ส่วนเหล่าเสนาอำมาตย์และทหารสวมใส่เสื้อคอตั้งแขนยาว สวมโจงกระเบนด้วยผ้าที่มีลวดลาย ไว้ผมทรงมหาดไทย ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากกรุงเทพ
Physical Data