Description
Digital Data
ภาพเขียนจิตรกรรมบริเวณกลางผนังด้านบนระหว่างหน้าต่างช่องที่ 5 และ 6
เขียนภาพขบวนเสด็จของพระญาธรรมสุชาต และพระราชธิดาเสด็จประพาสอุทยาน
ในบริเวณด้านหลังซ้ายบน มีภาษาล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “พระยาเมิงกาสี…พารุ(ลูก)….ไปเหล้รสวน อุรยานแล…” แปลได้ว่า “พญาเมืองกาสีพาพระธิดา..ไปเที่ยวชมสวนที่อุทยาน”
ด้านหน้าขบวนมีเหล่าเสนาและพนักงานเดินนำ ในบริเวณนี้มีภาษาล้านนากำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “เสนา” และ “จำหนวด” แปลว่า “ตำรวจ”
พระญาธรรมสุชาตทรงเครื่องแบบกษัตริย์ คือ สวมกระบังหน้ามีกรรเจียก คือ เครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนก ใช้ประกอบกับพระมหามงกุฎ พระชฎา หรือรัดเกล้า และสวมกรองศอทับบนเสื้อแขนยาว มีทับทรวงและสายสังวาลสะพายแล่ง สวมพาหุรัดที่ต้นแขน นุ่งสนับเพลาคือกางเกงขายาวประมาณครึ่งแข้งมีผ้าห้อยหน้าหรือชายไหวระหว่างชายแครง มีแถบผ้าปลายงอนหุ้มปลายขากางเกงทั้ง 2 ข้าง นุ่งโจงทับ ปัจจุบันยังหมายถึงกางเกงด้วย ราชาศัพท์ใช้ว่า พระสนับเพลา ไม่สวมฉลองพระบาท
ส่วนด้านหน้าของขบวนเขียนภาพเหล่าเสนาและพนักงานซึ่งเขียนภาพของหลายชนชาติด้วยกัน ภาพเขียนบริเวณด้านหน้าขบวนมีภาษาล้านนาเขียนกำกับอยู่ว่า อ่านได้ความว่า “เสนา”
ส่วนภาพเขียนเหล่าเสนาเเละพนักงานทหารนั้นแต่งกายแบบชาวบางกอกในยุคนั้น คือ สวมเสื้อผ้าสีเรียบแขนยาวนุ่งโจงกระเบน ไว้ทรงผมที่เรียกว่า “ทรงมหาดไทย” ลักษณะคือ ไว้ผมกลางศีรษะและด้านข้างโกนผมบริเวณโดยรอบ คล้ายกับการนำกะลามาครอบหัว แต่ไม่ได้แสกกลางแบบทางภาคกลางของไทย ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากทางกรุงเทพ และไม่สวมรองเท้า
ถัดมาเป็นกลุ่มชายสามคน บริเวณนี้มีภาษาล้านนาเขียนกำกับอยู่ อ่านได้ความว่า “จำหนวด” แปลว่า “ตำรวจ”
ตำรวจในภาพแต่งกายที่รับอิทธิพลมาจากชาวบางกอกในยุคนั้น คือ สวมเสื้อผ้าสีเรียบแขนยาวนุ่งโจงกระเบน สวมหมวกแบบชาวตะวันตก ในมือถือธงไชยและตำราใบลาน
ถัดมาเป็นภาพเขียนทหาร ซึ่งเขียนภาพของทหารหลากหลายชนชาติ เช่น ทหารที่เเต่งกายแบบชาวแขก ทหารชาวจีนที่แต่งกายแบบทหารของชาวตะวันตก คือ สวมเครื่องแบบเสื้อสีแดงกางเกงขาวสวมหมวกสีขาว ใส่รองเท้าหนังสีดำแบกปืน ไว้หนวดและเคราซึ่งไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่ชายชาวไทลื้อและไทยวนในยุคนั้นเท่าไหร่
ส่วนคนหามเสลี่ยงและทหารด้านท้ายขบวนแต่งกายแบบแบบชายชาวไทยวน หรือ ชายชาวไทลื้อในล้านนาในยุคนั้น คือ สวมเสื้อคอตั้งแขนยาวทำจากผ้าพื้นสีเรียบ นุ่งผ้ามีลวดลายหรือผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย” หรือ “เค็ดม่าม” โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมรหรือโจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่าที่มีลวดลายสัตว์หิมพานต์ อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชายชาวไทลื้อและไทยวนในแถบนี้ ไว้ทรงผมที่เรียกว่า “ทรงมหาดไทย” ลักษณะคือ ไว้ผมกลางศีรษะและด้านข้างโกนผมบริเวณโดยรอบ คล้ายกับการนำกะลามาครอบหัว แต่ไม่ได้แสกกลางแบบทางภาคกลางของไทย ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากกรุงเทพ และไม่สวมรองเท้า
ส่วนภาพเขียนทหารด้านท้ายขบวน เขียนภาพทหารกำลังมือถือไม้พลองอยู่ในมือ รวมทั้งกำลังแบกปืนคาบศิลาปลายติดมีดสั้น
ในบริเวณนี้มีภาพเขียนที่น่าสนใจอยู่คือภาพเขียน “ต้นหมากฆหนัด” หรือ ต้นสับปะรด เนื่องจากเป็นของแปลกใหม่และหายากในสมัยนั้น
Physical Data