Description
Digital Data
ภาพจิตรกรรมด้านบนที่บริเวณด้านข้างปราสาท เขียนไว้ว่า “ผืนนี้อ้ายคุณ ปู่ชาไว้กับสาสนาแล” แปลได้ความว่า “ภาพพระบฏผืนนี้อ้ายคุณ ปู่ชาได้จัดทำถวายเป็นพุทธบูชา” ในภาพเป็นเหตุการณ์ที่พระเวสสันดรทรงขึ้นครองบัลลังค์ ภายในปราสาทของเมืองสิพี มีพระนางมัทรีประทับด้านข้าง แวดล้อมด้วยสนมกำนัล และเสนาอมาตย์ เมื่อพระเวสสันดรเสด็จถึงจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระเวสสันดรทรงปริวิตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน ที่พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ประชาชน ท้าวโกสีห์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงมาในนครสิพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนขนเอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าคลังหลวง ในการต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสิพีโดยทศพิธราชธรรมบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระชนมายุ
ด้านบนเหนือปราสาทมีฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงมาในนครสิพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนขนเอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าคลังหลวง ปราสาทของเมืองสิพีเป็นสถาปัตยกรรม ที่ผสมผสานระหว่างรูปแบบของศิลปกรรมแบบพม่าและรัตนโกสินทร์ กล่าวคือทรงปราสาทมีรูปแบบลักษณะหลังคาของสถาปัตยกรรมแบบพม่าคือ ทรงพระยาธาตุที่มีหลังคาซ้อนกันหลายชั้น แต่ละชั้นลดหลั่นถึง 7 ชั้นขึ้นไปหาเรือนยอด แต่รูปแบบที่ตกแต่งเป็นแบบศิลปกรรมของรัตนโกสินทร์ ด้านข้างมีหอกลอง 4 ชั้น ที่ใช้ตีบอกเวลาที่ต่างกันไป
เครื่องทรงของพระเวสสันดรมีรูปแบบคล้ายเของกษัตริย์พม่า คือสวมพระชฎาสวมกรองศอทับเสื้อแขนยาวแบบพม่า นุ่งผ้าคล้ายโจงกระเบนใช้ผ้าพม่าที่เรียกว่า “ผ้าลุนตยา อเชะ” ในพระหัตถ์ทรงถือพระขรรค์ พระนางมัทรีและเหล่าสนมกำนัลแต่งกายแบบหญิงชาวไทยวนคือ ห่มผ้าแบบที่เรียกว่า “สะหว้ายแหล้ง” หรือ “เบี่ยงบ้าย” นุ่งซิ่นต๋าเป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัว ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ไว้ผมมุ่นมวยเรียกว่าเกล้าแบบ “วิดว้อง”ไว้กลางศีรษะมัดมวยด้วยสร้อยคำหรือสร้อยทอง ส่วนเสนาอมาตย์ใส่เสื้อคอกลมแขนสั้นสวมหมวกทรงกลม
Physical Data