Description
Digital Data
TITLE:
ลำปาง
AUTHOR:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
KEYWORDS:
กัณฑ์ที่ 13, กัณหา, การนุ่งโจงกระเบน, จิตรกรรมภาพพระบฏ, ชาลี, ซิ่นต๋า, ซิ่นตีนจก, ตุงค่าว, ตุงค่าวธรรม, ถกเขมร, นครกัณฑ์, นครสิพี, นุ่งผ้าต้อย, ประวัติศาตร์ล้านนา, ประวัติศาสตร์ลำปาง, ประเทศไทย, พระกัณหา, พระชาลี, พระนางผุสดี, พระนางมัทรี, พระบฏ, พระศรีอาริย์, พระเจ้าสัญชัย, พระเวสสันดร, พระเวสสันดรชาดก, ภาคเหนือ, ภาพพระบฏ, ภาพเขียนพระบฏ, มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์, ล้านนา, ลำปาง, วัดทุ่งคา, สักขาลาย, สักลาย, สักเตี่ยวก้อม, หอภาพถ่ายล้านนา, อำเภอเเจ้ห่ม, เค็ดม้าม, เมืองสิพี, เวสสันดร, เวสสันดรชาดก, โจงกระเบน
DESCRIPTION:
แผ่นที่ 28 กัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์
ภาพวาดแผ่นนี้เป็นกัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์ เป็นกัณฑ์ที่หกกษัตริย์นำพยุหโยธาเสด็จนิวัติพระนครพระเวสสันดรขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา พระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัทรีและเสด็จกลับสู่สิพีนคร เมื่อเสด็จถึงจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระเวสสันดรทรงปริวิตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ประชาชนท้าวโกสีห์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงมาในนครสิพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนขนเอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าคลังหลวง ในการต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสิพีโดยทศพิธราชธรรมบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระชนมายุ
ภาพพระบฎแผ่นสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ชาวเมืองสิพีได้เฉลิมฉลอง ในการมาสู่พระนครสิพีพระเวสสันดรพร้อมพระนางมัทรีและกัณหาชาลี ด้านล่างขวามือเป็นภาพช่างฟ้อนเทียนพร้อมนักดนตรีเป่าปี่แน ขณะฟ้อนอยู่ในศาลาที่เป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมของล้านนา การแต่งกายของหญิงช่างฟ้อนเป็นการแต่งกายของหญิงชาวไทยวนคือ มีผ้ามาคลุมไหล่แต่มีการทำผมมุ่นมวยสูงไว้บนศีรษะ นุ่งผ้า”ซิ่นต๋า”เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ล่างซ้ายเป็นการละเล่นต่อยมวยหรือมวยปล้ำโดยมีผู้ชมยืนชมอยู่ด้านหลัง การแต่งกายของนักมวยและผู้ชมยังคงแต่งกายแบบล้านนาดั้งเดิมคือบางคนสวมเสื้อบางคนไม่สวมเสื้อใว้ผมสั้น นุ่งผ้ามีลวดลายหรือผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย”หรือ“เค็ดม่าม”โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมรหรือโจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่าที่มีลวดลายสัตว์หิมพานต์ อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชายชาวไทยวนในแถบนี้ ถัดขึ้นไปเป็นวงสุรามีไหขนาดใหญ่ตั้งอยู่ กลางภาพเป็นภาพวงคนตรีและช่างฟ้อนที่กำลังฟ้อนเทวดา วงดนตรีประกอบด้วยฆ้องวง ระนาด กลองสะบัดชัย ตะโล้ดโป๊ด (กลองสองหน้า) ฉาบ ปี่แนและปี่จุม การแต่งกายของนักดนตรีบางคนสวมเสื้อบางคนไม่สวมเสื้อใว้ผมสั้นนุ่งโจงกระเบน ด้านบนเป็นการละเล่นกายกรรมแบบต่างๆมีตั้งแต่ด้านขวาเป็นการไต่ลวด กลางภาพเป็นหกสูง ซ้ายมือเป็นการแสดงความแข็งแกร่งด้วยการทนต่อแรงกระแทกจากครกตำข้าว แถบบนสุดไม่ทราบว่าเป็นการละเล่นชนิดใด
ภาพวาดแผ่นนี้เป็นกัณฑ์ที่ 13 นครกัณฑ์ เป็นกัณฑ์ที่หกกษัตริย์นำพยุหโยธาเสด็จนิวัติพระนครพระเวสสันดรขึ้นครองราชย์แทนพระราชบิดา พระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสสารภาพผิด พระเวสสันดรจึงทรงลาผนวชพร้อมทั้งพระนางมัทรีและเสด็จกลับสู่สิพีนคร เมื่อเสด็จถึงจึงรับสั่งให้ชาวเมืองปล่อยสัตว์ที่กักขัง ครั้นยามราตรีพระเวสสันดรทรงปริวิตกว่า รุ่งเช้าประชาชนจะแตกตื่นมารับบริจาคทาน พระองค์จะประทานสิ่งใดแก่ประชาชนท้าวโกสีห์ได้ทราบจึงบันดาลให้มีฝนแก้ว 7 ประการ ตกลงมาในนครสิพีสูงถึงหน้าแข้ง พระเวสสันดรจึงทรงประกาศให้ประชาชนขนเอาตามปรารถนา ที่เหลือให้ขนเข้าคลังหลวง ในการต่อมาพระเวสสันดรเถลิงราชสมบัติปกครองนครสิพีโดยทศพิธราชธรรมบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขตลอดพระชนมายุ
ภาพพระบฎแผ่นสุดท้ายน่าจะเป็นตอนที่ชาวเมืองสิพีได้เฉลิมฉลอง ในการมาสู่พระนครสิพีพระเวสสันดรพร้อมพระนางมัทรีและกัณหาชาลี ด้านล่างขวามือเป็นภาพช่างฟ้อนเทียนพร้อมนักดนตรีเป่าปี่แน ขณะฟ้อนอยู่ในศาลาที่เป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมของล้านนา การแต่งกายของหญิงช่างฟ้อนเป็นการแต่งกายของหญิงชาวไทยวนคือ มีผ้ามาคลุมไหล่แต่มีการทำผมมุ่นมวยสูงไว้บนศีรษะ นุ่งผ้า”ซิ่นต๋า”เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ล่างซ้ายเป็นการละเล่นต่อยมวยหรือมวยปล้ำโดยมีผู้ชมยืนชมอยู่ด้านหลัง การแต่งกายของนักมวยและผู้ชมยังคงแต่งกายแบบล้านนาดั้งเดิมคือบางคนสวมเสื้อบางคนไม่สวมเสื้อใว้ผมสั้น นุ่งผ้ามีลวดลายหรือผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย”หรือ“เค็ดม่าม”โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมรหรือโจงกระเบน เผยให้เห็นลายสักยันต์ตั้งแต่ท้องน้อยจนถึงหัวเข่าที่มีลวดลายสัตว์หิมพานต์ อันเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของชายชาวไทยวนในแถบนี้ ถัดขึ้นไปเป็นวงสุรามีไหขนาดใหญ่ตั้งอยู่ กลางภาพเป็นภาพวงคนตรีและช่างฟ้อนที่กำลังฟ้อนเทวดา วงดนตรีประกอบด้วยฆ้องวง ระนาด กลองสะบัดชัย ตะโล้ดโป๊ด (กลองสองหน้า) ฉาบ ปี่แนและปี่จุม การแต่งกายของนักดนตรีบางคนสวมเสื้อบางคนไม่สวมเสื้อใว้ผมสั้นนุ่งโจงกระเบน ด้านบนเป็นการละเล่นกายกรรมแบบต่างๆมีตั้งแต่ด้านขวาเป็นการไต่ลวด กลางภาพเป็นหกสูง ซ้ายมือเป็นการแสดงความแข็งแกร่งด้วยการทนต่อแรงกระแทกจากครกตำข้าว แถบบนสุดไม่ทราบว่าเป็นการละเล่นชนิดใด
PUBLISHER:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
OTHER CONTRIBUTORS:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
DATE:
07/02/2558
RESOURCE TYPE:
จิตรกรรมภาพพระบฏ
FORMAT:
Image/jpeg
RESOURCE IDENTIFIER:
คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหอภาพถ่ายล้านนา ในกำกับของกรรมการอำนวยการหอภาพถ่ายล้านนา
SOURCE:
จิตรกรรมฝาผนัง
LANGUAGE:
ไทย/อังกฤษ
RELATION:
–
COVERAGE:
วัดทุ่งคา อ.เเจ้ห่ม จ.ลำปาง ภาคเหนือ ประเทศไทย
RIGHT MANAGEMENT:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
Physical Data
COLLECTION NAME:
ลำปาง
IMAGE CODE:
02_25_20150207_MR25-01_28
SUBJECT AGE:
ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 25
CATEGORY:
จิตรกรรมภาพพระบฏ
PROVENANCE:
ศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
COVERAGE:
วัดทุ่งคา อ.เเจ้ห่ม จ.ลำปาง ภาคเหนือ ประเทศไทย
View map
View map
ORIGINAL SIZE:
85.5 x 140 cm
DIGITAL SIZE:
2998 x 4642 Pixels