Description
Digital Data
ภาพเขียนจิตรกรรมบริเวณฝั่งขวาของหน้าต่าง เป็นเรื่องราวในตอนที่เจ้าคัทธณะกุมารได้ยินข่าวลือที่เจ้าเมืองจำปานคร จำต้องส่งพระธิดาของตนไปสังเวยเป็นอาหารของนางยักษ์ จึงเกิดความไคร่รู้ จึงได้ไต่ถามความจากนางจ่าสวนถึงสาเหตุที่นางสีดาต้องสละชีวิตของตนเพื่อรักษาสัตย์สัญญาของพระบิดาที่ให้ต่อนางยักษ์ ครั้นทราบความก็เกิดความสงสาร จึงคิดช่วยเหลือ เมื่อพระอาทิตย์ลับอัสดงเข้าสู่ยามวิกาล เจ้าคัทธนกุมารจึงลอบเข้าไปในปราสาทของนางยักษ์ เเล้วทุบหม้อ อ่าง ไห ภาชนะต่าง ๆของนางยักษ์์เสียสิ้น เเล้วเข้าไปพบกับนางสีดาที่อยู่ภายในปราสาท ครั้นเมื่อนางยักษ์กลับมาก็มาพบเครื่องใช้ของตนถูกทุบแตกเสียสิ้น อีกทั้งยังพบบุรุษเเละหญิงสาวอยู่ด้วยกันในปราสาทตน ก็เกิดโทสะหมายเข้าจับกินทั้งสอง เมื่อเห็นดังนั้นเจ้าคัทธนกุมารจึงเข้าต่อสู้เเละปราบนางยักษ์ เเล้วจึงเทศนาสั่งสอนจนนางยักษ์เกิดความละอายใจสำนึกในบาปที่ตนได้ทำมา จึงโขกศรีษะลงพื้นเเละสิ้นใจตายในเวลาต่อมา เจ้าคัทธณะกุมารเเละนางสีดาพำนักในปราสาทจนรุ่งเช้า เเล้วจึงลากลับไปยังที่พักของตน ครั้นนั้นนางสีดาได้ทูลขอของต่างหน้า เจ้าคัทธณะกุมารจึงได้ฉีกผ้าค่าแสนคำเพื่อเเทนคำสัญญาว่าจะกลับมาอภิเษกกับพระนางในภายหลัง ฝ่ายนางสีดาก็ได้มอบธำรงเเทนใจแก่เจ้าคัทธณะกุมาร
ในภาพมีอักษรล้านนาเขียนกำกับอยู่ด้วยกัน 2 ชุด ประกอบด้วย อักษรชุดแรกบริเวณมุมหน้าต่าง อ่านได้ความว่า “ยักษ์กินคนแล้วเอากระดูกมาขว้างหนี้แล” แปลได้ว่า “เมื่อยักษ์กินคนเสร็จแล้ว เอากระดูกมาทิ้งกองไว้ตรงนี้” ถัดมาบริเวณเหนือศาลา อ่านได้ความว่า “พญาเมิงจำปาเอาลูกสาวมาหื้อยักษ์กิน เจ้าคัทธณะมาโผดเอาหนี้แล” แปลได้ว่า “เจ้าเมืองจำปานครเอานางสีดาลูกสาว มาให้ยักษ์กิน และได้เจ้าคัทธณะกุมารมาช่วยนางสีดาเอาไว้”
Physical Data