Description
Digital Data
ครั้นนั้นเจ้าจันทคาธอาสาจะพานางกลับไปหาพระชนกชนนี แต่พระนางไม่กลับเพราะอายเสนาอมาตย์จึงไม่กล้ากลับไป เจ้าจันทคาธเเละพระนางพรหมจารีพูดคุยกันเเละนางก็เผลอหลับไป เจ้าจันทคาธจึงเอาแก้วทิพยเนตรส่องดูก็รู้ว่า มารดาเลี้ยงของพระนางในเมืองปัญจาลนครมีอยู่คนหนึ่งชื่อสุริยโยธา จึงเข้าประคองพระนางเหาะไปแล้ววางลงไว้ ณ ประเทศแห่งหนึ่ง ชาวบ้านป่า ให้นอนหลับไปจนอรุณขึ้นสว่าง พระนางตื่นขึ้นเหลียวดูทิศทั้งหลายนึกแปลกใจ วานนี้เราอยู่ริมแม่น้ำ นี่ไม่ใช่ที่ๆอยู่วานนี้ ท่านผู้นี้เป็นมนุษย์อัศจรรย์ ไม่เช่นนั้นก็เป็นเทวดามีมหิทธิฤทธิ์ หรือจะเป็นคนธรรพ์จึงพาเรามาไว้ในที่นี้ พระนางพรหมจารีจึงได้ถามชายผู้หนึ่งที่ผ่านมา ถึงได้รู้ว่านี้คือเมืองปัญจาลนครที่อยู่ของนางสุริยโยธา จึงได้ไปเสาะแสวงหานางสุริยโยธาจนได้เจอ และได้เล่าเรื่องราวทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ตนมิเคยคิดล่วงเกินพระนางพรหมจารีแก่นางสุริยโยธา นางจึงมีความชื่นชมในตัวเจ้าจันทคาธเป็นยิ่งนัก
นางสุริยโยธาผู้นี้เรียนจบไตรเพท เป็นผู้สอนยุทธศิลปะและศัสตราศิลปะกับพวกเจ้านายในเมืองปัญจาลนคร ครั้นพระนางพรหมจารีนั้นประสงค์ที่จำร่ำเรียนยุทธศิลปะและศัสตราศิลปะจากนางสุริยโยธา โดยมีเงื่อนไขคือต้องให้ค่าตอบแทนเป็นทองคำพันลิ่มแก่นางจึงจักสอนให้ พระนางพรหมจารีจึงได้ไปขอจากเจ้าจันทคาธว่า “ขอท่านจงช่วยสงเคราะห์ทีเถิด” เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าจันทคาธก็เอาแก้วทิพยเนตรส่องดู ก็แลเห็นขุมทองแห่งหนึ่งมีประมาณแสนลิ่ม จึงลุกขึ้นไปขุดเอาทองนั้นมาให้พระนางพรหมจารี เเล้วพระนางจึงรับเอาทองนั้นไปให้นางสุริยโยธาจนได้ร่ำเรียนศิลปวิทยาอยู่เดือนหนึ่ง
ภาพถัดมาบริเวณฝั่งซ้ายเหนือหน้าต่างช่องที่ 4 เขียนเรื่องราวในตอนที่พระนางพรหมจารีร่ำเรียนศิลปวิทยาเเล้วเสร็จ ก็ได้ลานางสุริยโยธามาสู่อนุราธบุรีพร้อมกับเจ้าจันทคาธ
ส่วนภาพเขียนบริเวณด้านซ้ายส่วนล่างของหน้าต่างช่องที่ 4 บริเวณนี้ภาพเขียนค่อนข้างลบเลือนไปมาก แต่ก็ยังพอเห็นรายละเอียดอยู่บ้าง เขียนภาพหญิงสาวหาบตะกร้าใส่น้ำทั้ง 2 ข้าง ขณะกำลังเดินไปยังบ้านของนางสุริยโยธา ภาชนะในภาพเป็นของใช้ในท้องถิ่นที่พบได้ทั่วไปในล้านนา เรียกว่า “น้ำถุ้ง” สานด้วยไม้ไผ่เเล้วยาแนวกันรั่วด้วยชัน และน้ำมันยาง มีก้นแหลม ส่วนบนมีงวงทำจากไม้ขัดกันไว้สำหรับผูกเชือกหย่อนลงไปตักน้ำขึ้นมาจากบ่อ
Physical Data