Description
Digital Data
ภาพเขียนจิตรกรรมบริเวณช่วงกลางด้านบน ระหว่างหน้าต่างช่องที่ 3 กับประตู
เขียนเรื่องราวในตอนที่ยักษ์สองตนต่อสู้กัน เหตุเกิดจากภายหลังที่สองกุมารได้ช่วยนางยักษ์ให้ฟื้นคืนจากความตาย จึงเป็นที่รักใครเอ็นดูของยักทั้งสอง ครั้นมียักษ์ตนหนึ่งมาเห็นกุมารทั้งสอง จึงเข้าอ้อนวอนนางยักษ์เพื่อขอสองกุมารไปกินเป็นอาหาร แต่ยักษ์สองสามีภรรยามิยอมให้ โดยอ้างว่าสองกุมารนี้ถือผู้มีบุญคุณแก่ตน ยักษ์ตนนั้นจึงย้อนถามยักษ์สองสามีภรรยาว่า “เมื่อวานนี้ท่านได้บอกว่า จักเลี้ยงคณะยักษ์ด้วยเนื้อมนุษย์มิใช่หรือ” ยักษ์ผู้เป็นสามีจึงตอบไปว่า “จริง เราเพียงต้องการให้ช่วยเผาศพภรรยาของเรา แต่บัดนี้ภรรยาของเราได้ชีวิตคืนมาแล้ว เราไม่ยอมให้ท่านกินสองกุมารนี้เป็นอันขาด” ว่าแล้วยักษ์ทั้งสองก็เข้าต่อสู้กัน
นางยักษ์จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขอให้ผู้มีอานุภาพมากมีฤทธิมากมาช่วยสามีของข้าพเจ้า และช่วยชีวิตของกุมารทั้งสองนี้เถิด” เมื่อสิ้นคำอธิฐานก็มีเสนายักษ์ตนหนึ่ง ของท้าวเวสสุวรรณ ยักษ์ตนนี้เป็นผู้มีอานุภาพและมีฤทธิ์มาก เดินทางตรวจดูเหตุการณ์ของโลก จึงสดับคำอธิษฐานของนางยักษ์ และเดินทางมาถึงเรือนของยักษ์สองสามีภรรยา แลเห็นพวกยักษ์กำลังต่อสู้กัน จึงเข้ามาห้าม เเละถามยักษ์ทั้งสองตนไปว่า “เหตุใดจึงวิวาทรุกรบกันเช่นนี้” ยักษ์สองสามีภรรยาก็แจ้งเหตุตามจริง เมื่อยักษ์เสนาบดีสดับฟังดังนั้น จึงประกาศแก่ยักษ์ทั้งหลายว่า “ดูก่อนยักษ์ทั้งหลาย พวกเธอจงเชื่อฟังคำของเรา จงอย่าวิวาทกัน อย่ารบกัน” เมื่อได้ยินดังนั้นเหล่ายักษ์จึงพร้อมใจกันสงบในทันที หมู่ยักษ์ได้ฟังโอวาทจากยักษ์เสนาบดีนั้นแล้วมีความสะดุ้งกลัว เเละพากันกลับไปสู่ที่อยู่ของตน
ในภาพด้านขวายักษ์สองสามีภรรยาโอบอุ้ม สองกุมารไว้โดยมีมียักษ์หยาบช้ากลุ่มหนึ่งมาพบและได้อ้อนวอนขอกุมารทั้งสองเพื่อจะนำไปกิน แต่ยักษ์สองสามีภรรยาไม่ยอมให้โดยอ้างว่าเป็นผู้มีบุญคุณแก่ตน จนยักษ์ทั้งสองเข้าต่อสู้กันในภาพบนซ้าย การแต่งกายของยักษ์นั้นมีรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลจากทางภาคกลางได้ชัดเจนคือ สวมกระบังหน้ามีกรรเจียกคือเครื่องประดับหูมีรูปเป็นกระหนกสวมเสื้อแขนยาว นุ่งสนับเพลาคือกางเกงขายาวประมาณครึ่งแข้งมีผ้าห้อยหน้าหรือชายไหวระหว่างชายแครงนุ่งโจงทับ ส่วนยักษีฝ่ายหญิงนั้นเปลือยอก สวมกรองศอและสร้อยตัว นุ่งผ้าถุงพื้นเรียบสีแดง เกล้าผมมวย ที่ในล้านนาเรียกว่าทำมวยผมแบบ “ตั้งเกล้า”
Physical Data