Description
Digital Data
TITLE:
ลำปาง
AUTHOR:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
KEYWORDS:
กัณฑ์ชูชก, กัณฑ์ที่ 5, การนุ่งโจงกระเบน, จิตรกรรมภาพพระบฏ, ชูชก, ซิ่นต๋า, ซิ่นตีนจก, ตุงค่าว, ตุงค่าวธรรม, ถกเขมร, นางอมิตาดา, นุ่งผ้าต้อย, ประวัติศาตร์ล้านนา, ประวัติศาสตร์ลำปาง, ประเทศไทย, พระบฏ, พระศรีอาริย์, พระเวสสันดรชาดก, ภาคเหนือ, ภาพพระบฏ, ภาพเขียนพระบฏ, มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์, ล้านนา, ลำปาง, วัดทุ่งคา, หอภาพถ่ายล้านนา, อำเภอเเจ้ห่ม, เค็ดม้าม, เรือนกาแล, เวสสันดร, เวสสันดรชาดก, แคว้นกาลิงคะ, โจงกระเบน
DESCRIPTION:
แผ่นที่ 11 กัณฑ์ที่ 5 กัณฑ์ชูชก
ภาพพระบฎนี้เป็นตอนหลังของกัณฑ์ที่ 5 กัณฑ์ชูชก ทั้งที่ชูชกมีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่นางอมิตดาก็ขยันปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนางอมิตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดาพราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตน ที่มิได้ประพฤติตนเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนางอมิตดา ทำให้พวกภรรยาของพราหมณ์อิจฉาริษยามาคอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวัน นางอมิตดาถูกรุมด่าร้องไห้กลับบ้าน บอกแก่ชูชกว่าจะไม่ไปตักน้ำและไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว ขอให้ชูชกไปทูลขอกัณหาชาลี จากพระเวสสันดร มาช่วยงานบ้านก็แล้วกัน ในภาพจิตรกรรมด้านล่างจะเห็นนางอมิตดาถูกเหล่าภรรยาของพราหมณ์ทั้งหลายรุมด่าจากความอิจฉาริษยา ด้านบนฝั่งขวานางอมิตดานั่งอยู่ในเรือนทรงกาแลพร้อมกับชูชกและได้บอกชูชกว่าจะไม่ทำงานบ้านอีกต่อไป ให้ชูชกไปขอกัณหาชาลีจากพระเวสสันดร ฝั่งซ้ายบนของภาพชูชกขณะเดินออกจากบ้านเพื่อไปตามหาพระเวสสันดรเพื่อทูลขอกัณหาและชาลี การแต่งกายของนางอมิตดาและหญิงในภาพเป็นการแต่งกายของหญิงชาวไทยวนคือเปลือยอกมีนำผ้ามาคลุมไหล่ นุ่งผ้า “ซิ่นต๋า”เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัว มีการทำผมมุ่นมวยต่ำไว้ด้านหลัง ที่ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ส่วนที่หญิงคนซ้ายสุดและขวามือน่าจะนุ่งผ้า”ซิ่นตีนจก”เป็นผ้าซิ่นต๋าที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวต่อด้วยตีนจก ตีนจกคือผ้าที่นำมาต่อล่างสุดของซิ่นมีลวดลายที่เกิดจากกรรมวิธีการจก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ และที่หญิงคนซ้ายมือของถือ“น้ำทุ่ง”หมายจะตีนางอมิตดา “น้ำทุ่ง”เป็นเครื่องจักสานทำจากไม่ไผ่เคลือบด้วยชันหรือรักเพื่อกันน้ำรั่ว ส่วนชูชกแต่งกายคล้ายชายชาวไทยวนคือไม่สวมเสื้อใว้ผมสั้นสะพายย่ามขาวแซงดำแดงที่เป็นย่ามของชาวไทยวน นุ่งผ้าผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย”หรือ“เค็ดม่าม”โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมรหรือโจงกระเบน เห็นลายสักยันต์แต่เป็นลายสักยันต์ที่ไม่เหมือนที่พบได้ทั่วไป ส่วนเรือนอาศัยของชูชกและนางอมิตดา เป็นเรือนของทางล้านนาเรียกว่าเรือน “กาแล” นอกจากนี้ยังได้วาดสภาพแวดล้อมในสมัยนั้นลงไปด้วยตั้งแต่มีการเลี้ยงสุนัขอยูใต้ถุนของเรือนอีกด้วย
ภาพพระบฎนี้เป็นตอนหลังของกัณฑ์ที่ 5 กัณฑ์ชูชก ทั้งที่ชูชกมีรูปร่างอุบาทว์อัปลักษณ์ยิ่งนัก แต่นางอมิตดาก็ขยันปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี นางตักน้ำ ตำข้าว หุงหาอาหาร ดูแลบ้านเรือนไม่มีขาดตกบกพร่อง ความประพฤติที่ดีเพียบพร้อมของนางอมิตดาทำให้เป็นที่สรรเสริญของบรรดาพราหมณ์ทั้งหลายในหมู่บ้านนั้น ในไม่ช้า บรรดาพราหมณ์เหล่านั้นก็พากันตำหนิติเตียนภรรยาของตน ที่มิได้ประพฤติตนเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างนางอมิตดา ทำให้พวกภรรยาของพราหมณ์อิจฉาริษยามาคอยด่าทอนางอมิตดาอยู่ทุกวัน นางอมิตดาถูกรุมด่าร้องไห้กลับบ้าน บอกแก่ชูชกว่าจะไม่ไปตักน้ำและไม่ทำงานบ้านอีกแล้ว ขอให้ชูชกไปทูลขอกัณหาชาลี จากพระเวสสันดร มาช่วยงานบ้านก็แล้วกัน ในภาพจิตรกรรมด้านล่างจะเห็นนางอมิตดาถูกเหล่าภรรยาของพราหมณ์ทั้งหลายรุมด่าจากความอิจฉาริษยา ด้านบนฝั่งขวานางอมิตดานั่งอยู่ในเรือนทรงกาแลพร้อมกับชูชกและได้บอกชูชกว่าจะไม่ทำงานบ้านอีกต่อไป ให้ชูชกไปขอกัณหาชาลีจากพระเวสสันดร ฝั่งซ้ายบนของภาพชูชกขณะเดินออกจากบ้านเพื่อไปตามหาพระเวสสันดรเพื่อทูลขอกัณหาและชาลี การแต่งกายของนางอมิตดาและหญิงในภาพเป็นการแต่งกายของหญิงชาวไทยวนคือเปลือยอกมีนำผ้ามาคลุมไหล่ นุ่งผ้า “ซิ่นต๋า”เป็นผ้าซิ่นที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัว มีการทำผมมุ่นมวยต่ำไว้ด้านหลัง ที่ล้วนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ ส่วนที่หญิงคนซ้ายสุดและขวามือน่าจะนุ่งผ้า”ซิ่นตีนจก”เป็นผ้าซิ่นต๋าที่มีลวดลายเส้นในแนวขวางลำตัวต่อด้วยตีนจก ตีนจกคือผ้าที่นำมาต่อล่างสุดของซิ่นมีลวดลายที่เกิดจากกรรมวิธีการจก ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหญิงชาวไทยวนในแถบนี้ และที่หญิงคนซ้ายมือของถือ“น้ำทุ่ง”หมายจะตีนางอมิตดา “น้ำทุ่ง”เป็นเครื่องจักสานทำจากไม่ไผ่เคลือบด้วยชันหรือรักเพื่อกันน้ำรั่ว ส่วนชูชกแต่งกายคล้ายชายชาวไทยวนคือไม่สวมเสื้อใว้ผมสั้นสะพายย่ามขาวแซงดำแดงที่เป็นย่ามของชาวไทยวน นุ่งผ้าผ้าพื้นสีเรียบผืนเดียวที่เรียกว่านุ่งแบบ “นุ่งผ้าต้อย”หรือ“เค็ดม่าม”โดยจะม้วนผ้าเป็นเกลียวสอดระหว่างขาเป็นการนุ่งแบบเดียวกับการถกเขมรหรือโจงกระเบน เห็นลายสักยันต์แต่เป็นลายสักยันต์ที่ไม่เหมือนที่พบได้ทั่วไป ส่วนเรือนอาศัยของชูชกและนางอมิตดา เป็นเรือนของทางล้านนาเรียกว่าเรือน “กาแล” นอกจากนี้ยังได้วาดสภาพแวดล้อมในสมัยนั้นลงไปด้วยตั้งแต่มีการเลี้ยงสุนัขอยูใต้ถุนของเรือนอีกด้วย
PUBLISHER:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
OTHER CONTRIBUTORS:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
DATE:
07/02/2558
RESOURCE TYPE:
จิตรกรรมภาพพระบฏ
FORMAT:
Image/jpeg
RESOURCE IDENTIFIER:
คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหอภาพถ่ายล้านนา ในกำกับของกรรมการอำนวยการหอภาพถ่ายล้านนา
SOURCE:
จิตรกรรมฝาผนัง
LANGUAGE:
ไทย/อังกฤษ
RELATION:
–
COVERAGE:
วัดทุ่งคา อ.เเจ้ห่ม จ.ลำปาง ภาคเหนือ ประเทศไทย
RIGHT MANAGEMENT:
หอภาพถ่ายล้านนา โดย มูลนิธิรองศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
Physical Data
COLLECTION NAME:
ลำปาง
IMAGE CODE:
02_25_20150207_MR25-01_11
SUBJECT AGE:
ประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 25
CATEGORY:
จิตรกรรมภาพพระบฏ
PROVENANCE:
ศาสตราจารย์ กันต์ พูนพิพัฒน์
COVERAGE:
วัดทุ่งคา อ.เเจ้ห่ม จ.ลำปาง ภาคเหนือ ประเทศไทย
View map
View map
ORIGINAL SIZE:
85.5 x 140 cm
DIGITAL SIZE:
2998 x 4642 Pixels